
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ได้จัดพิธียิ่งใหญ่ถวายการต้อนรับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในโอกาสเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พระมหากษัตริย์ของไทย เสด็จพระราชดำเนินไปประเทศจีน นับตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนเมื่อ 50 ปีที่แล้ว โดยรัฐบาลปักกิ่งได้ใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอตัวเองว่า เป็นเพื่อนบ้านผู้มีเมตตา และหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่เชื่อถือได้


สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีได้พัฒนาไปอย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่ที่ไทย ซึ่งยึดมั่นในอุดมการณ์อย่างแน่วแน่กับสหรัฐอเมริกา ในการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ ในช่วงสงครามเย็น และมองว่า จีนเป็นภัยคุกคาม

นับตั้งแต่ยุคหลังสงครามเย็น ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้แข็งแกร่งขึ้น โดยมีรากฐานมาจากความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนที่แน่นแฟ้น ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดของภาคการท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย และเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จฯเยือนจีนครั้งหนึ่ง เมื่อปี พ.ศ.2530 ขณะทรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมาร ในฐานะผู้แทนพระองค์สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

จากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ว่า “ปธน สีจิ้นผิง กราบบังคมทูลต่อหน้าพระพักตร์ในหลวง จีนซื้อข้าวไทยห้าแสนตัน”


