
“นายกฯ” ยันคุยสหรัฐตลอดเรื่องภาษี แต่เป็นในทางลับ แจงมูดี้ส์ไม่ได้หั่นเครดิตไทย ย้ำ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”ช่วยสร้างเงิน-งาน โอดโดนการเมืองตีฉ่ำๆ
เมื่อวันที่ 4 พ.คง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกฯแพทองธาร” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT ถึงการเจรจากำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา ว่า ตนได้พูดคุยและปรึกษากับทีมที่ปรึกษาซึ่งเชี่ยวชาญในเรื่องของสหรัฐอเมริกา เพื่อดูเรื่องภาษีต่าง ๆ ตั้งแต่ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกาจะสาบานตน และคุยกับภาคเอกชน รวมทั้งพูดคุยกับประเทศอาเซียน ทั้งนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียและกัมพูชา ว่า เราต้องรวมพลังอาเซียนขายความเป็นยูนิค เพื่อให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่ เพราะประชากรในอาเซียนมีถึง 600 ล้านคน นับเป็นหนึ่งในสิบของโลก แต่การพูดคุยยังเป็นอย่างไม่เป็นทางการหรือดีลในทางลับ เพราะหากเปิดเผยเฉลยว่า ประเทศนั้นประเทศนี้จะทำอะไรได้บ้าง ก็คงวุ่นวายและมีผลกระทบ จึงต้องดีลลับ ไม่สามารถเปิดเผยได้
ทั้งนี้ เราจำเป็นต้องดีลแบบนี้ เราต้องแม่นยำในการต่อรองในการคุย จึงขอเวลา ยืนยันว่าไม่หลุดกรอบแน่นอน ตอนนี้การเจรจาแบบไม่เป็นทางการมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่เคยขาดหายไป ซึ่งตนได้อัปเดตกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนสบายใจ ว่าเรื่องนี้รัฐบาลคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก และก็ต้องเตรียมความพร้อมอย่างหนักแน่น จนถึงวันที่เราสามารถเจรจาต่อรอง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณี “มูดี้ส์” สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินระดับโลก ปรับมุมมองเครดิตไทยเป็นมุมลบนั้นว่า เป็นเพียงมุมมองที่มีต่อประเทศไทย ไม่ใช่เครดิตของประเทศไทย ที่มองว่าโอกาสในการจะขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลง เพราะมุมมองทางด้านภาษีกับสหรัฐ แต่ไม่ได้หมายความว่าเครดิตของประเทศไทยลดลง ซึ่งรัฐบาลก็รับฟัง แต่รัฐบาลไม่ได้อยู่นิ่ง มีการเซ็นสัญญากับบริษัทต่างๆ เปิดประตูให้ทั่วโลกรู้ว่าประเทศไทย มีโอกาสของการลงทุน
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยยืนยันว่าจะทำให้มีเงินใหม่เข้ามา ไม่ใช่เงินจากภาษีพี่น้องประชาชน แต่เป็นเงินของเอกชนที่จะมาลงทุนในประเทศเรา เงินลงทุนของต่างชาติที่จะเข้ามา ซึ่งการลงทุนเหล่านี้ทำให้รัฐเก็บภาษีได้ และยังเก็บภาษีคนที่เล่นกาสิโน โดยเราจะทำตามโมเดลของสิงคโปร์ ไม่ได้ทำแบบลาสเวกัสที่ตั้งกาสิโนอย่างเดียว แต่ของเราจะทำเป็นสถานที่จัดงานในคอนเสิร์ตอินดอร์ ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยไม่มีสถานจัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่แบบอินดอร์ และยังมีโรงแรม ขณะที่กาสิโนก็มีมาตรฐานสากลอยู่แล้ว คือ กาสิโนอย่างมีความรับผิดชอบ มีกฎเกณฑ์ ต้องเข้าไปอย่างที่สามารถเช็กประวัติได้ ประวัติต้องมี ทรัพย์สินต้องมี บางทีเป็นเรื่องการเมือง มันก็เข้มข้นอยากจะตีเรื่องนี้ให้ฉ่ำๆ คนเข้าใจผิดว่าจะทำให้เกิดอบายมุขสุดๆ ซึ่งขอยืนยันว่าไม่ใช่ ตอนนี้ประเทศที่กำลังพัฒนา ต้องการสถานที่ท่องเที่ยวแบบ man made หรือแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างได้ ซึ่งตรงนี้คือโอกาสของเรา และจะทำให้เกิดการจ้างงานคนไทย และประเทศไทยการท่องเที่ยวจะไม่มีคำว่าโลว์ซีซั่นเลย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเปิดตัวโครงการ SML ว่าเป็นโครงการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพราะท้องถิ่นแต่ละพื้นที่รู้ปัญหาของตัวเองดีที่สุด ควรระบุปัญหาของตัวเอง จึงให้กองทุนโดยให้คนในหมู่บ้านรวมตัวกันเป็นประชาคม บอกว่าโครงการไหนที่คนในหมู่บ้านของท่านอยากทำด้วยกัน โดยที่รัฐมีงบสนับสนุนให้ ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากร เช่น บางคนอยากได้เครื่องอัดฟาง ก็นำงบประมาณในส่วนนี้ไปซื้อ ถ้าคนในหมู่บ้านเห็นตรงกัน ซึ่งเป็นการกระจายอำนาจสู่พี่น้องประชาชนจริงๆ หรือจะนำไปใช้ในเรื่องสาธารณูปโภค จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชน เสนอโครงการผ่านหมู่บ้าน
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของโอดอส ซัมเมอร์แคมป์ เป็นการส่งเสริมการศึกษาให้กับเยาวชนไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่อให้เยาวชนได้มีโอกาสไปเมืองนอก สัมผัสวัฒนธรรมต่างๆ ถือเป็นการกระจายโอกาส โดยสามารถโหลดแอปทางลัดได้ เพราะเป็นโครงการที่ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น เพื่อให้ มีแรงบันดาลใจสามารถกลับมาพัฒนาประเทศได้ต่อ