“ประยุทธ์”ให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วมสิงห์บุรีร่วมกันผ่านพ้นความยากลำบากครั้งนี้ไปให้ได้

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ห้องรับรองสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิงห์บุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในจังหวัดสิงห์บุรี โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี หัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย

สำหรับ สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสิงห์บุรี ส่วนใหญ่เป็นปัญหาอุทกภัยที่เกิดในพื้นที่ราบลุ่ม สภาพน้ำท่วมเกิดจากปริมาณน้ำจำนวนมากที่ไหลมาจากตอนบน ไหลล้นตลิ่งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย เข้าท่วมพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่การเกษตร ส่งผลให้น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอท่าช้าง อำเภอพรหมบุรี อำเภอบางระจัน และอำเภอค่ายบางระจัน ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีได้รับผลกระทบ จำนวน 6 อำเภอ 25 ตำบล 13 ชุมชน 167 หมู่บ้าน 20,419 หลังคาเรือน 58,811 คน ผู้เสียชีวิต 6 ราย

นายกรัฐมนตรีได้ลงเรือท้องแบนเพื่อพบปะให้กำลังใจประชาชนและเยี่ยมบ้านเรือนที่ประสบอุทกภัย ณ หมู่ที่ 3 ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี โดยระหว่างนั่งเรือ นายกรัฐมนตรีได้โยน EM ball เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศ ช่วยย่อยตะกอนให้กลายเป็นอาหารของสัตว์เล็ก ๆ และช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีในน้ำ ทำให้เกิดการย่อยสลายที่มากขึ้น และเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ ทำให้สภาพของน้ำสมดุล โดยบ้านเรือนประชาชนบริเวณนี้ได้รับผลกระทบประมาณ 289 ครัวเรือน ซึ่งสถานการณ์น้ำโดยรวมขณะนี้เริ่มมีแนวโน้มลดลง สอดคล้องกับการระบายของเขื่อนเจ้าพระยาและระดับน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาที่เริ่มลดลงเช่นกัน ทำให้ จ.สิงห์บุรี ได้วางแผนที่จะเร่งสูบน้ำเพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่บ้านเรือนประชาชนไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาให้สัมพันธ์กับสถานการณ์น้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ และให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว 

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กดปุ่มเปิดเครื่องสูบน้ำเพื่อเป็นสัญญาณในการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่บ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว ก่อนที่วันพรุ่งนี้ทางจังหวัดจะเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่บ้านเรือนประชาชนทุกหมู่บ้านโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ หากไม่มีการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยามาเพิ่ม และไม่มีฝนตกลงมาอีก คาดการณ์ว่าจะสามารถสูบน้ำออกจากพื้นที่ทุกหมู่บ้านได้ภายในประมาณสัปดาห์หน้า รวมทั้งจังหวัดได้มีการเตรียมซ่อมแซมฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชน ตลอดจนการเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามหลักเกณฑ์และกฎระเบียบที่กำหนดไว้ต่อไป

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวกับประชาชนถึงการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบอุทกภัยทุกคน โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ด้วยความห่วงใย รวมทั้งกำชับสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่บ้านเรือนประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็ว ให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมกับย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนดูแลตนเองให้ปลอดภัยในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนด้วย ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ ต่างก็ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีในการทำงานเพื่อประชาชน โดยบอกว่า “รักลุงตู่ ลุงตู่สู้ ๆ” และขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีที่เดินทางมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะเดินทางไปยังวัดพิกุลทอง ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์น้ำและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ อ.ท่าช้าง เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น โดยมีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 3,611 ครัวเรือน ประชาชน 9,708 ราย นายกรัฐมนตรีได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัย บริเวณหมู่ที่ 3 ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง ที่ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำน้อยล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่และจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ล้นตลิ่งเข้าทุ่งวิหารขาวและทุ่งพิกุลทอง ประชาชนได้รับผลกระทบ จำนวน 5 หมู่บ้าน 1,194 ครัวเรือน โดยนายกรัฐมนตรีได้ขึ้นรถของสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สิงห์บุรี ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณโดยรอบวัดพิกุลทอง

สำหรับ สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ขณะนี้ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลงตามการระบายของเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งวางแผนเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยเร็ว โดยทางจังหวัดได้มีการเตรียมแผนเร่งผันน้ำและระบายน้ำออกจากพื้นที่ ให้สัมพันธ์สอดคล้องกับระดับน้ำที่ลดลงของแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว ให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ 

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ถวายพวงมาลัยกราบสักการะพระพุทธสุวรรณมงคลมหามุนี หรือ หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนด้วยความห่วงใยและกล่าวว่าสิ่งที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน นายกรัฐมนตรีก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน พร้อมให้กำลังใจประชาชนทุกคนร่วมกันผ่านพ้นความยากลำบากครั้งนี้ไปให้ได้ รวมทั้งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้ฟื้นฟูเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามหลักเกณฑ์และกฎระเบียบที่กำหนดต่อไป โดยรัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาให้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความสำคัญในการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้ทราบถึงขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือ หากจังหวัดได้สำรวจความเสียหายด้านใดเรียบร้อยแล้ว ให้เร่งดำเนินการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอและจังหวัด โดยไม่ต้องรอการสำรวจความเสียหายให้เสร็จสิ้นครบทุกด้าน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติโดยเร็ว 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ทักทายเด็ก ๆ และเยาวชนในพื้นที่ แนะให้เด็กและเยาวชนได้พัฒนาศักยภาพของตนเองให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี และทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งเรียนให้สอดคล้องตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน และการพัฒนาประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อเรียนจบออกมาแล้วจะได้มีงานทำ มีรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัวต่อไป จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปให้กำลังใจเจ้าที่อาสาสมัครที่ร่วมกันทำ EM Ball ณ สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิงห์บุรีก่อนเดินทางกลับกทม.

Message us