“พิชิต”แฉมีวงจรอุบาทว์จ้องล้มรัฐบาล-ลั่นขอท้าดวลข้อกฎหมาย 40 สว.

เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม.ถึงกระแสจะลาออกจากตำแหน่ง ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะตั้ง-ปรับ ครม. ท่านไม่ได้ผิดอะไร มาเอาเรื่องท่านทำไม นายกฯเศรษฐา ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด อีกทั้งการจัดตั้ง ครม. บุคคลที่ได้รับตำแหน่ง จะต้องไปกรอกรับรองคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม มันมีกระบวนการทางกฎหมาย หากทำผิดจะอยู่ในทะเบียนประวัติอาชญากร

นายพิขิต กล่าวว่า ตนเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ต้องเอาความจริงมาพูดกัน ไม่มีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง นายกฯ ทำตามกระบวนการทางกฎหมาย ต้องทำความเข้าใจกับพรรคร่วม ตนไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ มาเพราะสติปัญญา มีสมองที่จะทำงาน ถ้าตนทำผิด ทำชั่ว ไม่มายืนอยู่ตรงนี้ ขอโอกาสให้นายกฯ ได้ปฎิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าผู้บริหารราชการแผ่นดิน นายกฯไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดเองทำเอง ตนทำงานกับท่านไม่เคยประจบ นายกฯ เป็นคนนิสัยตรงไปตรงมา เอางานเป็นที่ตั้ง ท่านอยากจะตั้งตนแต่มีปัญหาก็ตั้งไม่ได้ และสำนักเลขาธิการนายกฯ หรือกฤษฎีกาก็ช่วยตนไม่ได้ เพราะเป็นระบบการตรวจสอบการกระทำทางการบริหาร

ทั้งนี้ ตนเป็นรัฐมนตรี และหน่วยงานที่ดูแลมีแต่ตัวหนังสือ อยู่กับกฎหมาย ตนของวิงวอนให้นายกฯเศรษฐา ได้ทำงาน ดังนั้นประเด็นจริยธรรมให้ดูตามช่องทางกฎหมายให้ดี มีคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐาน ถ้ากฎหมายเป็นกฎหมาย บ้านเมืองมีหลักนิติธรรม

สำหรับ ประเด็นที่ สว. 40 คน ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ตีความคุณสมบัตินั้น นายพิชิต กล่าวว่า ขอบคุณ 40 สว. และขออโหสิกรรม ตนชอบใจมากเพราะสิ่งที่ถูกกระทำตั้งแต่ปี 51 ที่ต้องโหยหาความยุติธรรมมาตลอดชีวิตก่อนตัดสินใจเป็นรัฐมนตรี หากถูกตั้งกระทู้ถามในสภาสามารถตอบคำถามได้ทุกข้อทุกข้อสงสัย การที่ตนถูกตัดสิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรม ควรเป็นกรณีศึกษาว่า คนไทยเหมือนกันแต่ถูกศาลเดียวตัดสินและจบ ทั้งที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่ามี 3 ชั้นศาล หากนักการเมืองถูกพิจารณาคดีสามารถต่อสู้คดีได้ 2 ชั้นศาล ไปว่าความแค่ศาลเดียวจบนี่คือความขมขื่นในใจ

“ผมไม่ได้โกรธ 40 สว. ขอบคุณที่ให้โอกาสผม และมั่นใจว่าหลักนิติธรรมหลักศาลรัฐธรรมนูญมีจริง ผมไม่หวั่นไหวเพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร แต่คำวินิจฉัยของศาลฎีกาไม่ได้ผูกพันกับศาลรัฐธรรมนูญ ผมรอจังหวะนี้มานานแล้ว อยากให้การตัดสินเป็นบรรทัดฐาน หากศาลรัฐธรรมนูญยึดหลักนิติธรรม และพิจารณาข้อเท็จจริงในคดีใหม่ จะเป็นโอกาสในชีวิตที่ได้เปิดเผย ไม่ได้หวั่นไหวอะไร”นายพิชิตกล่าว

นายพิชิต กล่าวต่อว่า หากมีตรงไหนบอกว่าตนหิ้วเงิน 2,000,000 บาท คนจะลาออกวันนี้ คนที่กล่าวหาทนายถุงขนม พูดเหมือนคนไร้สติ ไม่มีเหตุไม่มีผล ช่วยดูในคำสั่งและดูด้วยว่าตนใช่คนหิ้วถุงเงินหรือไม่ นี่คือความเจ็บปวดที่ตนโหยหาความยุติธรรมมาตลอด ตนตัวเบาหวิวตั้งแต่รับตำแหน่ง ตนนามสกุลชื่นบาน ไม่ได้คิดอะไรขอทำงาน แม้ตนจะติดใจคำสั่งศาลฎีกา เรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ตั้งแต่ปี 51 เอามาใส่ได้อย่างไร ในเมื่อตนไม่ได้กระทำอะไร และในคำสั่งศาลฎีกามีคำว่า “ผมน่าจะรู้” ก็ขังตนแล้ว แต่นี่คดีแพ่งแต่ก็ขังตนแล้วเต็มพิกัด 6 เดือน

“ผมจะอยู่หรือจะไป ไม่ยึดติด ผมต่อสู้เพื่อกระบวนการยุติธรรม ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในชีวิต ขอขอบคุณ สว. เข้าทางผมครับ ไม่ได้หวั่นไหวเลย และคำว่าน่าจะถูกขังเป็นเรื่องสมมุติฐาน ไม่มีพยานหลักฐานมาซัพพอร์ต แค่เพียงตั้งข้อสันนิษฐานว่าz,น่าจะรู้ วิงวอนคนที่กล่าวหาดูคำสั่งให้ดีจะพบข้อสังเกต ข้อพิรุธมากมาย ผมขอยกมือไหว้ ขอโอกาสทำงาน”รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯกล่าว

นายพิชิต กล่าว่า เรื่องจริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตวัดกันตรงไหน ต่อให้ถามกฤษฎีกาก็ตอบคำถามไม่ได้เพราะเป็นนามธรรม ตนไม่มีประวัติผิดกฎหมาย ได้รับการตรวจสอบแล้วทั้งจากกระบวนการทางกฎหมาย ดังนั้นอย่าไปสงสัยเรื่องหนังสือกฤษฎีกาที่หลุด สำนักเลขานายกฯ ก็ติดใจ นายกฯ ก็สงสัย การที่ตนต้องโทษคือโทษอะไร มีคำพิพากษามากมายบอกว่า โทษที่ตนได้รับเป็นมาตรการทางแพ่ง ไม่ผิดทางอาญา เรื่องที่ตนต้องโทษเป็นโทษตามคำสั่ง คำพิพากษาต่างกัน คนที่ตอบกลับนายกฯ ถึงคุณสมบัติของตนก็คือสำนักเลขาธิการสำนักรัฐมนตรี จะบอกนายกฯ ประพฤติผิดจริยธรรมไม่ได้ เป็นวงจรอุบาทว์ ถ้าบริหารประเทศดีแล้วเกิดการกระทำแบบนี้ ให้ผู้นำประเทศต้องหลุดจากตำแหน่ง ตนมีเพื่อนใน สว. รู้รายละเอียดการกระทำ ตนจึงขอความเป็นธรรม รู้ว่าคนของใครทำอะไร ขอบคุณ สว.เสรี สุวรรณภานนท์ ที่ออกมาพูดเรื่องจริง ไม่ต้องมาถามว่า ตนกังวลไหม ตนสบายๆ ได้ชี้แจงได้ทุกประเด็น

“ผมมีความสุขทำงานไม่เคยหยุด ถ้าบอกว่าพิชิตลาออกและทุกอย่างจบ ประเทศเดินหน้าได้ตนจะทำ องคาพยพของกระบวนการยุติธรรมไปคิดมา ทำไมถึงเกิดวงจรอุบาทว์ขนาดนี้ วันนี้ พรุ่งนี้ เดือนนี้เดือนไหนตนก็พร้อม ตนทำงานหลังบ้านมาตลอด อายุ 66 สบายใจ สมกับนามสกุลชื่นบานผู้ที่ความเป็นตัวตนของตนเอง สบายๆ”นายพิชิตกล่าว

เมื่อลถามว่า ทั้งหมดนี้เป็นเกมการเมืองที่จะล้มนายกฯเศรษฐา ใช่หรือไม่ นายพิชิต ย้ำว่า แน่นอน ถ้าลาออกแล้ว นายเศรษฐา อยู่ต่อได้นั้น มันมีเงื่อนไขของวงจรอุบาทว์ มาทำให้บ้านเมืองและนายกฯ ยุ่งเหยิงทำไม ต้องไปช่วยกันคิด ไม่ใช่การบ้านตน การบ้านตนคือถ้าพิชิตลาออกแล้วจบประเทศเดินหน้า ตนไป ไม่ลำบากใจ แต่กลับมีความสุข ตนรักและเคารพนายกฯ จะไม่ทำให้ท่านหนักใจ

เมื่อถามว่าไม่มีแนวคิดจะลาออก ก่อนวันที่ 23 พ.ค. ใช่หรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า บางคนอยากให้อยู่ บางคนอยากให้ออก เพื่อจะแก้วงจรอุบาทว์ ตนเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯเศรษฐา ส่วนคนที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นขั้วอำนาจเก่าหรือไม่ ตนก็ไม่ขอก้าวล่วง แต่มีขบวนการล้มรัฐบาลหรือนายกฯ จริง ตนขอเชิญ 40 สว. ทีละคน เอาอาจารย์มหาลัยธรรมศาสตร์จุฬาที่ดังๆ มาเป็นกรรมการตนจะถามว่า ที่ลงชื่อไปคุณอ่านคำสั่งหรือยัง ศึกษาเรื่องหรือยังว่าตนมีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามอย่างไร ขอทีละคน ทั้ง 40 คนตนพร้อม

เมื่อถามว่า นายกฯ ได้โทรมาคุยหรือไม่ นายพิชิต ยืนยันว่า ไม่มี ยังไม่คุยกับนายกฯ ส่วนจะดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ หรือพ้นตำแหน่งหรือไม่นั้น เราเคารพในดุลพินิจศาล เมื่อถามว่าเป็นการเขย่าตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ นายพิชิตกล่าวว่า ตนบอกแล้วว่า เป็นวงจรอุบาทว์ ท่านจะต้องคิดได้เอง ทุกอย่างมันเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

Message us