ภาคประชาชนรุมค้านรัฐบาลให้ต่างด้าวซื้อที่ดินได้ชี้เป็นตลกร้ายสำหรับคนไทย

เมื่อวันที่29ต.ค.ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นายเมธา มาสขาว เลขาธิการ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ร่วมกับนายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานพีมูฟ และภาคประชาชน แถลงว่า ขอคัดค้านมติคณะรัฐมนตรีและนโยบายของรัฐบาล ที่อนุญาตให้ต่างชาติครอบครองที่ดินในเมืองไทยได้หากมีการนำเงินมาลงทุนมากกว่า 40 ล้านบาท เท่ากับเป็นนโยบายขายชาติ ขายแผ่นดิน โดยแท้จริง

ทั้งนี้ แม้จะกำหนดระยะเวลาแค่ 5 ปี ก็เพียงพอที่จะทำให้เมืองไทยไร้แผ่นดิน เพราะนายทุนโลกที่มีศักยภาพทั้งสีเทา สีดำ สีขาว ต่างสามารถมาช้อนซื้อที่ดินได้เป็นจำนวนมาก ดังปรากฎว่ากลุ่มทุนจีนสีเทาเข้ามาหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในประเทศไทย

นายเมธา กล่าวว่า ที่ดินไทยมีแค่ 320 ล้านไร่ หักที่ดินป่าไม้ออกไป 25% ที่ดินในเมืองไทยก็เหลือให้คนไทยไม่เกินคนละ 4 ไร่เท่านั้น และวันนี้คนไทยจำนวนมากไม่มีที่ดินของตนเองเพราะนายทุนเข้าผูกขาด แล้วตอนนี้รัฐบาลยังต้องการให้ต่างชาติถือครองที่ดินเพื่อดึงดูดต่างชาติลงทุนให้ได้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลกร้ายสำหรับคนไทย

“ถ้าแลกกับให้ถือครองที่ดินคนละไม่เกิน 1 ไร่ เป้าหมายของรัฐบาล 5 ปีคือ 1 ล้านคน เท่ากับ 1 ล้านไร่ แล้วคนไทยจะไปอยู่ที่ไหน คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีที่ดิน ที่นาหลุดลอยไปเพราะระบบการจำนอง โดยธกส.และสหกรณ์การเกษตรปลอมๆ ทั้งหลาย ต้องเช่าที่ดินพ่อค้านายทุนทำการเกษตร แต่พล.อ.ประยุทธ์ มีนโยบายจะประเคนให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ได้ตลอดไป นักการเมืองในยุคพล.อ.ประยุทธ์ ไร้ยางอาย “นายเมธา กล่าว

ขณะเดียวกันนโยบายขายชาติ ชายแผ่นดิน ที่แท้จริงยังมีสอดไส้มากไปกว่านั้น คือประกาศ BOI ที่ 6/2565 วันที่ 8 สิงหาคม 2565 ลงนามโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ใช้อำนาจตามมาตรา 27 พรบ.ส่งเสริมการลงทุน ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2560 อนุญาตนิติบุคคลต่างด้าวที่มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท สามารถถือกรรมสิทธิ์ถาวรที่พักอาศัยและสำนักงานได้ถึง 35 ไร่

โดยเป็นที่ดินสำหรับที่พักอาศัยผู้บริหารหรือช่างฝีมือ 10 ไร่ สำหรับพนักงาน 20 ไร่ และที่ดินสำนักงาน 5 ไร่ โดยที่ตั้งของสำนักงานและที่อยู่อาศัยไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ซึ่งหมายความว่าอยู่ได้ทั่วประเทศ

ทั้งนี้บทบาทคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI.) เป็นหน่วยงานราชการที่มีอายุครบรอบ 56 ปี ในการทำงานส่งเสริมการลงทุนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2509 ในขณะประเทศกำลังพัฒนาอุตสาหกรรม โดยมีภารกิจหลักคือการส่งเสริมการลงทุนผ่านการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี และสิทธิประโยชน์อื่นๆ แก่เอกชนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยตั้งแต่ปี 2557 ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ 2/2557 มีการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี ลดหย่อนภาษีเงินได้ 50% อีก 5 ปี รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ไม่เกี่ยวกับภาษี การอนุญาตต่างชาติถือหุ้น 100%

แต่ปัจจุบันประเทศเกิดความเหลื่อมล้ำมหาศาล สมควรยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างเศรษฐกิจผูกขาด ยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี และสิทธิประโยชน์อื่นๆ แก่เอกชนกลุ่มทุนพวกพ้อง แต่ควรเก็บภาษีทรัพย์สินอัตราก้าวหน้าเพื่อให้คืนส่วนเกินแก่สังคมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและกระจายรายได้ให้มากขึ้น

การให้อนุญาตให้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บริษัทต่างชาติ ตามมาตรา 27 ของกฎหมาย BOI คือภัยคุกคามความมั่นคงของชาติและประชาชน ซึ่งสมควรปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัยนี้โดยด่วน เนื่องจากปัจจุบันนี้กลุ่มทุนต่างชาติได้เข้ามายึดครองกรรมสิทธิ์ที่ดินมากมายในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออกและทั่วภูมิภาค จากดุลยพินิจของฝ่ายบริหารโดยไม่มีมาตรการรองรับ รวมถึงอาจมีการใช้อำนาจส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบท่ามกลางผลประโยชน์ของนักการเมืองและเครือญาติที่อาจมีบุคคลที่เกี่ยวข้องแอบอ้างเป็นนายหน้าค้าขายที่ดินเก็งกำไรในระบบดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันไม่ทราบว่ามีต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินเท่าไหร่แล้ว

ครป.และเครือข่ายภาคประชาชน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและ BOI เปิดเผยข้อมูลการส่งเสริมการลงทุนแก่กลุ่มทุนต่างๆ ทั้งหมดอย่างโปร่งใสและรายงานต่อสาธารณะในระบบอิเลคทรอนิกส์ โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีในโครงการต่างๆ และการอนุญาตให้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บริษัทต่างชาติทั้งหมด ตั้งแต่การประกาศใช้กฎหมายส่งเสริมการลงทุนจนถึงปัจจุบัน ได้อนุมัติให้บริษัทถือครองที่ดินไปแล้วจำนวนมากน้อยเพียงใด คิดเป็นร้อยละเท่าไหร่ของที่ดินประเทศไทย เป็นจำนวนกี่ไร่ กี่โครงการและแก่บริษัทใดบ้าง

นอกจากนี้ยังรวมถึง ขอเรียกร้องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ต้องเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง

Message us