มะเร็งปอดคร่าชีวิตปรมาจารย์วัฒนธรรมไทย “ครูมืด” บุคคลสำคัญวงการโขนไทย

5 พฤศจิกายน 2565 เป็นอีกหนึ่งวันแห่งความโศกเศร้า  โดยเพจเฟซบุ๊ก สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา กรมศิลปากร โพสต์ข้อความอาลัยว่า

สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ ครูมืด ประสาท ทองอร่าม ปรมาจารย์แห่งการนาฏยสังคีตไทย ซึ่งท่านเคยมีโอกาสมาแสดงโขน ชุด รามาวตาร ที่ลานเมรุพรหมทัต กลางเมืองพิมายของเรา เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา

สำหรับเส้นทางชีวิตและประวัติ ครูมืด ประสาท ทองอร่าม

ศิลปินด้านโขนละคร ดนตรีไทย และผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย จากกรมศิลปากร และหนึ่งในผู้ให้ความรู้ในรายการคุณพระช่วย ได้รับยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ

“ครูมืด” เป็นศิลปินสำนักการสังคีต กรมศิลปากร โดยเป็นนาฎศิลปินชาย โขนลิง แต่ยังมีความสามารถในศิลปะอีกหลายแขนง ทั้งลิเก สวด แหล่ เห่ กล่อม การพากษ์โขนละคร แสดงจำอวด โดยมีอาจารย์เสรี หวังในธรรม บรมครูด้านนาฏศิลป์ไทย เป็นผู้ดูแลและถ่ายทอดวิชาความรู้

ครูมืด ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของวงการศิลปวัฒนธรรม และทุ่มเทเป็นครูโขนมากว่า 50 ปี ผลงานชิ้นสำคัญคือการควบคุมการซักซ้อมการแสดงโขนรามเกียรติ์ พร้อมจัดแสดงหน้าพระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ครูมืด ประสาท ทองอร่าม ศิลปินแห่งชาติ เป็นปรมาจารย์ด้านวัฒนธรรม ศิลปินด้านศิลปะวัฒนธรรมไทย ซึ่งมีประสบการณ์เป็นครูโขนมานานกว่า 50 ปี อีกทั้งยังมีผลงานศิลปะไทยอันทรงคุณค่า และผลงานในวงการบันเทิงอย่างมากมาย

ครั้งหนึ่ง ครูมืด ท่านเคยเล่าเรื่องราวเกร็ดชีวิตของตัวเองผ่านรายการดังอย่าง “คุยแซ่บ Show” เมื่อปี พ.ศ. 2564 ขอนำหยิบยกให้ติดตามรับทราบกันตรงนี้อีกสักครั้ง ใจความระบุไว้ว่า… “ชีวิตเติบโตมาจากสลัม อยู่สลัมเลย คือบ้านที่เป็นอยู่หลังคาติดกันหมดเลย แล้วที่บ้านที่ผมอยู่เป็นบ้านที่เช่าเขาอยู่ อาศัยอยู่ข้างวัด แต่บังเอิญถิ่นที่ผมอยู่ถึงแม้จะห่างไกลความเจริญ แต่คนที่อยู่เป็นบุคคลทรงความรู้ และศิลปินแห่งชาติเยอะมาก”

“ตอนเด็กผมร่องรอยเยอะมาก เกเรครับ ตีกัน ศึกใหญ่มากเลย ตีกันทั้งโรงเรียน ซึ่งเหตุมันเกิดจากเริ่มงานไหว้ครู เด็กนาฏศิลป์ทำความสะอาด ช่างศิลป์มาก็เตะขวดน้ำกระจาย ก็ตีกันวันนั้น พอรุ่งขึ้นนัดกันไปเลย ก็พรวดพราดตีกัน เรื่องถึง สน.ต้องมาจับ มีอาวุธ ตอนนั้นผมเป็นนักเรียนข้าราชการด้วย ก็มีคำสั่งให้ออกจากโรงเรียน ออกจากราชการ แต่ผู้ใหญ่ก็ขอไว้ ลงโทษให้ต่ำจากไล่ออก ก็โดนลดขั้นเงินเดือน แล้วให้สอบตกปีหนึ่ง”

เปิดปมชีวิต “ครูมืด” ประสาท ทองอร่าม จากเด็กสลัมสู่ปรมาจารย์ด้านวัฒนธรรม

ในอดีตว่ากันว่า ชีวิต “ครูมืด” เคยยากลำบาก….ถึงขนาดต้องขอข้าววัดกิน พร้อมเล่าวีรกรรมความซ่าหลังรั้วโรงเรียนที่เกือบโดนไล่ออกมาแล้ว โดยเจ้าตัวมาเผยเรื่องทั้งหมดนี้ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 เล่าเหตุการณ์เลือดตกยางออก อีกทั้งยังน้อยใจชีวิตครอบครัวไม่สมบูรณ์แบบ เพราะตัวเองเจ้าชู้ต้องเลิกกับภรรยา ลั่นชีวิตนี้ขอโสดไปตลอดชีวิต

 “ชีวิตเติบโตมาจากสลัมเลยครับ อยู่สลัมเลย คือบ้านที่เป็นอยู่หลังคาติดกันหมดเลย แล้วที่บ้านที่ผมอยู่เป็นบ้านที่เช่าเขาอยู่ อาศัยอยู่ข้างวัด แต่บังเอิญถิ่นที่ผมอยู่ถึงแม้จะห่างไกลความเจริญ แต่คนที่อยู่เป็นบุคคลทรงความรู้ และศิลปินแห่งชาติเยอะมาก ตอนเด็กผมร่องรอยเยอะมาก เกเรครับ ตีกัน ศึกใหญ่มากเลย ตีกันทั้งโรงเรียน ซึ่งเหตุมันเกิดจากเริ่มงานไหว้ครู เด็กนาฏศิลป์ทำความสะอาด ช่างศิลป์มาก็เตะขวดน้ำกระจาย ก็ตีกันวันนั้น พอรุ่งขึ้นนัดกันไปเลย ก็พรวดพราดตีกัน เรื่องถึง สน.ต้องมาจับ มีอาวุธ ตอนนั้นผมเป็นนักเรียนข้าราชการด้วย ก็มีคำสั่งให้ออกจากโรงเรียน ออกจากราชการ แต่ผู้ใหญ่ก็ขอไว้ ลงโทษให้ต่ำจากไล่ออก ก็โดนลดขั้นเงินเดือน แล้วให้สอบตกปีนึง

“ส่วนตัวเรา-เราชอบอยู่แล้ว เป็นคนที่ชอบแสดงออก ชอบเป็นผู้นำตั้งแต่เด็ก เพราะว่าเราอยู่สลัมคนก็อยู่เยอะ ก็มาเล่น เล่านิทานให้ฟังบ้าง เล่นกีฬาพื้นเมืองบ้าง เล่นซ่อนหา เราก็ชอบ แล้วเผอิญคุณปู่ผมท่านเป็นนักดนตรีไทย ท่านเป็นลูกศิษย์ของ คุณครูไพร หลวงประดิษฐ์ ไพเราะ ก็เอาผมติดตัวไปด้วย แล้วที่วัดก็เป็นศูนย์รวมของศิลป์หลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นโขน ลิเก ละคร ปี่พาทย์ ก็รวมตัวกันอยู่ที่นั่น ก็มีข้าวกิน บ้านเราจน เราก็อาศัยข้าววัดกิน เราก็ได้ดูโขน ดูลิเก ดูดนตรี ดูอะไรต่างๆ แล้วมันชอบ แล้วพอกลับมาก็เอาเรื่องเหล่านั้นมาเล่นกับเด็กๆ พอจบ เรียนชั้นประถม 5 ปี ชั้นมูล คือก่อน ป.1 ก็เป็นผู้นำมาตลอด นำร่องเพลงชาติ เป็นนักกิจกรรม”

“ชีวิตผมผ่านอะไรมาเยอะมาก ผมมีภรรยาก็อยู่ด้วยกันจะมีน้อง หมอบอกว่ามีน้อง เราก็ดีใจมากเลย เพราะเราไม่มีทายาท แต่อยู่ได้สักเดือน สองเดือนได้ข่าวว่าเสียน้องไป มันสะเทือนใจมาก อันนี้มันเป็นวิบากกรรมของผมแน่ๆ ผมระลึกถึงเสมอว่าเป็นกรรม เคยทำกรรม เคยทำเวรอะไรไว้ จึงทำให้ไม่มีลูก ก็เสียใจมาก   พอเสียน้องไปแล้ว มันก็โยงไปทำให้เสียภรรยาไปด้วย หลังจากนั้นก็เป็นโสดมาตลอดปฏิญาณตนไว้ว่าขออยู่คนเดียว เพราะความที่เราเพลิดเพลินไปมันเยอะแล้ว หลังจากที่เสียแฟนไป มันเยอะแล้ว ก็พอแล้ว คิดว่าหลังจากเกษียณอายุแล้ว ก็จะตั้งใจอยู่กับพี่น้อง ครอบครัว แล้วก็ทำอะไรให้กับสังคม ทำอะไรให้กับโรงเรียนนาฏศิลป์ ทำอะไรให้กับกรมศิลปากรมากยิ่งขึ้นครับ”

นอกจากนี้ “ครูมืด” ยังได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติด้านดนตรี และศิลปิน ประจำปี 2563 สาขาบุคคลต้นแบบผู้ทรงคุณวุฒิ ทางด้านดนตรีและศิลปะการแสดง โดยหออัครศิลปิน Hall Of Jazz อีกด้วย

Message us