เมื่อวันที่ 13 ต.ค. พ.ต.ท.พูนศักดิ์ แสนภูวา สารวัตรสอบสวน สภ.เมือง จ.สกลนคร รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ร้านขายปลาเผา ริมสระพังทอง ในเขตเทศบาลนครสกลนคร จึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลนครสกลนคร พร้อมเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณถนนรอบสระพังทองที่เป็นชุมชนเก่า พบว่า บ้านต้นเพลิงอยู่ในซอยด้านหลัง เป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ปลูกชิดติดๆกัน กำลังถูกไฟโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ลุกลามไปยังบ้านข้างเคียงรอบๆ ที่อยู่ติดกัน เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถดับเพลิงจากเทศบาลนครสกลนคร และจากพื้นที่ใกล้เคียง ทั้ง มณทลทหารบกที่ 29 (มทบ.29) เทศบาลตำบลฮางโฮง เทศบาลธาตุนาเวง และอบต.ห้วยยางกว่า 10 คัน เข้าทำการฉีดน้ำสกัด โดยมี นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร พร้อมด้วย นายโกมุท ทีฆฑนานนท์ นายกเทศบาลนครสกลนคร เข้าบัญชาการเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบมีบ้านเรือนประชาชนถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมดจำนวน 5 หลัง โดยมี 3 หลังถูกเพลิงเผาจนวอด ไม่สามารถขนทรัพย์สินหนีพระเพลิงอิกมาได้ทัน ส่วนอีก 2 หลังเสียหายจากการถูกเพลิงไหม้บางส่วน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ถือว่าโชคยังดีที่ในขณะที่เกิดเหตุเป็นช่วงเวลากลางวัน ทำให้การเข้าปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถทำได้เต็มที่ หากเป็นช่วงกลางคืนอาจจะมีความเสียหายมากกว่านี้ เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุเป็นย่านชุมชนเก่า ที่บ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้เก่าและปลูกชิดติดๆกัน
สอบถามนายเสนาะ จันทร์สุภา อายุ 52 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 1821 ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร บ้านต้นเพลิง ได้ความว่า ขณะที่เกิดเหตุไม่มีใครอยู่ในบ้าน พากันไปทำบุญที่วัดพระธาตุเชิงชุม ห่างจากบ้านประมาณ 350 เมตร มีเพื่อนบ้านโทรบอกก็รีบกลับมา แต่ก็ไม่สามารถขนทรัพย์สินอะไรภายในบ้านออกมาได้ทันแม้แต่ชิ้นเดียว เนื่องจากเพลิงกำลังโหมลุกไหม้รุนแรง ทำให้ทุกอย่างถูกเผาวอดหมดสิ้นในกองไฟ ส่วนสาเหตุนั้นมีเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่เพลิงจะลุกไหม้นั้นได้ยินเสียงคล้ายไฟช็อต ก่อนที่ต่อมาจะมีกลุ่มควันลอยออกมาจากบ้านและเพลิงลุกไหม้ตามมา
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากบ้านต้นเพลิงเป็นบ้านย่านชุมชนเก่าแก่ สายไฟอาจจะเก่าจนเป็นสาเหตุให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ อย่างไรก็ตามจะต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะสรุปสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้และมูลค่าความเสียหายของเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้
ภาพ/ข่าว : ประทวน ขจรวุฒินันท์
