เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของพรรคในการสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่า หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทยได้บอกแล้วว่า เหตุที่ประกาศตั้งพรรคคือ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย เพราะถึงเวลาแล้วที่ประเทศต้องเปลี่ยนแปลง และมีความมุ่งมั่นที่จะชู ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หน้าที่ของพรรคก็คือ หาความไว้วางใจจากประชาชน ผลักดันให้ นายสมคิด ได้รับการยอมรับจากประชาชน ไม่ว่าใครจะลงสู่สนามการแข่งขัน พรรคก็ยืนยันว่าจะสนับสนุน สมคิด เป็นนายกฯ ของไทย เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ และนำประเทศให้พ้นวิกฤต
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เสนอนายสมคิด เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงชื่อเดียวใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคในขั้นต่อไป และเมื่อถามต่อว่า คาดว่าจะสู้ชื่อแคนดิเดตที่มีกระแสข่าวว่าเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจ ผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังได้หรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตนพูดเสมอว่านายกฯ ในภาวะวิกฤต จะต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อยคือ 1) มีประสบการณ์ในการทำงาน 2) สามารถเข้าใจกลไกราชการ และการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งกลไกทางการเมือง 3) ต้องเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ แแต่คงจะไม่บอกว่า ใครสู้กับใครได้หรือไม่ แต่นั่นคือคุณสมบัติของนายกฯ ที่พรรคสร้างอนาคตไทยตั้งเป็นเหตุหลักในการสรรหานายกฯ
สำหรับ กรณีที่พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าแลนด์สไลด์ พรรคภูมิใจไทยตั้งเป้า 120 เก้าอี้ แล้วพรรคสร้างอนาคตไทยตั้งเป้าหมายอย่างไร สนธิรัตน์ กล่าวว่า เราตั้งเป้าทำงานหนักที่สุด ทำเต็มที่สุดความสามารถ เป้าหมายที่เราจะยอมรับคือเมื่อประชาชนตัดสินใจ เราถือว่าเราทำดีที่สุด นายสมคิดเองก็ยืนยันแล้วว่าทำการเมืองไม่ใช่เพื่อเอาอำนาจ หรือเอาจำนวน ส.ส. แต่จะเป็นพรรคการเมืองที่เปลี่ยนแปลงชีวิตประชาชน
“หน้าที่เราทำตรงนี้ให้ดีที่สุด พี่น้องประชาชนตัดสินในอย่างไร พรรคก็พร้อมน้อมรับ มั่นใจว่าสิ่งที่เราทำจะได้รับการโอบอุ้มจากประชาชน” นายสนธิรัตน์ กล่าว
