
จากกรณี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ได้หารือ กับ พล.อ.เมา โซะพัน ผบ.ทบ.กัมพูชา พร้อมคณะเจรจาร่วมกัน ที่ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทย บริเวณชายแดนสุรินทร์ ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 29 พ.ค. ภายหลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่าง ทหารไทย และทหารกัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เพื่อยุติปัญหาความไม่เข้าใจและหาทางออกร่วมกัน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 พ.ค. กองทัพบกออกหนังสือแถลงการณ์ผลการเจรจาระหว่าง ผบ.ทบ.ไทย – ผบ.ทบ.กัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ดังนี้
1. ผบ.ทบ.ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียกำลังพลจากเหตุการณ์ปะทะ และเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญต่อเจตนารมณ์ของ รมว.กลาโหม ของทั้งสองประเทศ ที่ต้องการให้มีการเจรจา เพื่อยุติความขัดแย้ง พร้อมแสดงจุดยืนสนับสนุนการพูดคุยเจรจาด้วยสันติวิธีในการหาข้อตกลงร่วมกัน และขอยืนยันว่าจะไม่มีการรุกรานอธิปไตย หรือการหยิบยกประเด็นข้อขัดแย้งในอธิปไตยของกัมพูชาโดยเด็ดขาด การเจรจาครั้งนี้จะส่งผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ
2. กรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทยและกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์
โดยปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้ตกลงที่จะเคลื่อนออกจากพื้นที่ ถือเป็นการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นพ้องในการใช้กลไกคณะกรรมการร่วมมือรักษาความ สงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน หรือ Reqional Border Committee (RBC) เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยที่อาจค้างคา และส่งเสริมกลไก JBC ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
3. ผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายได้ระบุว่าจะกำกับดูแลกำลังพลให้อยู่ภายใต้กรอบการเจรจาอย่างเคร่งครัด โดย ผบ.ทบ.กัมพูชา ย้ำว่าในส่วนของกัมพูชา หากมีผู้ใดฝ่าฝืนข้อตกลงที่ได้ร่วมกันวางไว้ในวัน 29 พ.ค. 68 จะดำเนินการย้ายกำลังออกจากพื้นที่ทันที และยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชาสามารถควบคุม และสั่งการหน่วยงานทุกหน่วยได้อย่างเด็ดชาด
4. การพบปะเจรจาระหว่าง ผบ.ทบ.ไทยและกัมพูชาในครั้งนี้ บรรยากาศ
การพูดคุยเป็นไปด้วยดี สามารถบรรลุข้อตกลงในการถอนกำลังออกจากจุดที่ปะทะ และคงกำลังอยู่ในที่ตั้งเดิมรอผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC ในระหว่างนี้ ผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายจะกำกับดูแลกำลังพลให้อยู่ภายใต้กรอบการเจรจาอย่างเคร่งครัด
โดยกองทัพบกจะยังคงติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานด้านต่างๆ เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนต่อไป
นอกจากนี้กองทัพบกยังขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณ ในการรับฟังข่าวสาร โดยใช้รับฟังข้อมูล จากรัฐบาลและสื่อหลักเท่านั้น เพื่อป้องกันความสับสนจนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ พร้อมขอให้เชื่อมั่นการทำหน้าที่ ทหาร ในการปกป้องอธิปไตยของไทยทุกตารางนิ้ว

