“จิรายุ”ฟิตพาหน่วยเฉพาะกิจบุกจับของก๊อปแบรนด์เนมในห้างดังย่านปทุมวัน

เมื่อวันที่ 23 พ.ค. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำทีมชุดเฉพาะกิจ ตำรวจ 120 นาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จำนวน 30 นาย เข้าจับกุม ผู้กระทำความผิดที่บริเวณชั้น 1-4 ห้างดังย่านปทุมวัน ซึ่งเปิดขาย “ของก๊อปแบรนด์เนม” อย่างโจ๋งครึ่มมานานนับปี

 นายจิรายุ เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญการแก้ปัญหา “การละเมิดลิขสิทธิ์“ ทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) ที่ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก 

ทั้งนี้ ตนได้รับมอบหมายจาก เลขาธิการนายกรัฐมนตรี หลังจากศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล 1111 รับเรื่องร้องเรียนธุรกิจผิดกฎหมายและอบายมุขเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งเจ้าหน้าที่รับสินบนกระทำความผิดกฎหมาย มากกว่า 2,000 เรื่อง อาทิ เรียกรับสินบนเพื่อไม่ให้ดำเนินคดี  การจ่ายส่วย จนท. ทั้งแรงงาน และการเปิดเว็บไซต์ เว็บโป๊ หรือช่องทางในการเล่นการพนันออนไลน์ การขายบุหรี่ไฟฟ้า การปล่อยผ่านสินค้าผิดกฎหมายผ่านแดน

นายจิรายุ กล่าวว่า ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทีมฝ่ายสืบสวน ชุดเฉพาะกิจ ได้ลงพื้นที่ทั่วประเทศตรวจสอบพบว่า มีการลักลอบนำเข้าและเปิดขาย สินค้าผิดกฎหมาย ละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างโจ๋งครึ่ม มีความโยงใยไปถึงขบวนการค้ามนุษย์ ค้าแรงงาน ที่ผิดกฎหมาย เข้ามาในรูปแบบนักท่องเที่ยว แต่มาทำงานเป็นพนักงานขาย ตามห้างสรรพสินค้าทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ในหลายจังหวัด อาทิ กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต เมืองพัทยาและจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง

อย่างไรก็ตาม รายงานที่ได้รับ กรณีขายของละเมิดลิขสิทธิ์ ระบุว่า จะจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ห้าหมื่นบาทไปจนถึงแสนบาทต่อเดือน ต่อร้านค้าขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนสินค้า ซึ่งข้อมูลระบุว่า มีเงินหมุนเวียนเหล่านี้ไปยังเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ ปีละไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทต่อเดือนต่อพื้นที่ และรายงานพบว่า จนท.หลายแห่งใช้บัญชีม้า มีมือทำงาน รับโอนเคลียร์ ส่วนหากจะเปิดเว็บไซต์ เว็บพนัน เว็บโป๊ เว็บผิดกฎหมาย หากไม่อยากถูกจับกุมจะต้องจ่าย URL. ละ 2-5 หมื่นบาท ซึ่งแต่ละเจ้า จะมี URLต่อเว็บๆละ กว่า 20 URL ซึ่งจากข้อมูลพบว่า บางจังหวัด มีมากกว่า 1 พัน URL  ทั้งนี้  เชื่อว่า มีเงินสะพัดในระบบเหล่านี้ ปีละหลายพันล้านบาท ซึ่งข้อมูลที่สำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานคณะทำงานจะดำเนินการกลั่นกรองส่งดำเนินการให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปปท. ปปง. DSI  ต่อไป

นายจิรายุ กล่าว่า หลังจากรวบรวมข้อมูล และลงพื้นที่ หลายจังหวัดมากว่า 3 เดือน จึงมาตรวจที่ห้างดังย่านปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ชุดเฉพาะกิจซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยเฉพาะกิจ กระทรวงพาณิชย์สำนักงานตำรวจแห่งชาติสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่พร้อมด้วยพลตำรวจตรี ทัศน์ภูมิ  จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พร้อมชุดเฉพาะกิจตำรวจ 120 นาย เจ้าหน้าที่ ฝ่ายปราบปรามกรมทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์จำนวน 30 นาย เข้าจับกุม ผู้กระทำความผิดที่บริเวณชั้น 1-4 ซึ่ง 4 ชั้นดังกล่าวเปิดขายอย่างโจ๋งครึ่มมานานนับปี  ส่วนหนึ่งปิดร้านหนีเจ้าหน้าที่ ทำให้เข้าใจว่า มีข่าวรั่วตั้งแต่ช่วงเช้า ทั้งนี้ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ บก.ปอศ จะรายงานสรุปผลการจับกุมและของกลางดังกล่าว  ซึ่งคาดว่า มีจำนวนมาก

นอกจากนั้น จากข้อมูลพบว่า เจ้าของที่เช่าพื้นที่กับห้างดัง ตรงกับรายงาน “ลับ” ว่า มีทั้งคนไทยและคนต่างด้าว แต่จะใช้ชาวต่างด้าวที่มาจากประเทศในเอเซียที่พูดภาษาอังกฤษได้เป็นคนขายหน้าร้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบการเข้ามาในประเทศต่อไป  สำหรับผู้ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะซื้อสินค้าแบรนด์เนมซึ่งเป็นของก๊อปปี้ เช่นกระเป๋าเดินทางชื่อดังบางรุ่นของแท้ราคา 4-5 แสนบาทขายเพียง 7,500 บาท กระเป๋าแบรนด์เนม หรือแม้กระทั่งนาฬิกายี่ห้อ “ป” ของจริงราคาเกือบ 5 ล้าน ก็สามารถซื้อได้ ราคาแค่หลักพันเท่านั้น ทีมเฉพาะกิจสืบพบว่า สาเหตุที่ขายกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย  เป็นเพราะมีบุคคลซึ่งเป็นนายหน้ารับเคลียร์โดยกล่าวอ้างว่า เคลียร์เจ้าหน้าที่แล้ว โดยระบุว่า ได้จ่ายสินบนให้กับ จนท.หลายหน่วยงาน ซึ่งรายงานลับ จากการร้องเรียนผ่าน “1111 ”ทำเนียบรัฐบาลได้รับทราบข้อมูล หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งบุคคลผู้รับเคลียร์หน้าเสื่อให้กับเจ้าหน้าที่ ทั้งพื้นที่ และหน่วยอื่น มีชื่อว่า นส.อ  นาย ต. และ สารวัตร น. ซึ่งจะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป

สำหรับ สถานการณ์ที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ประกาศสถานการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้ารายสำคัญ ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) ประจำปี 2568 โดยคงสถานะไทยอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) นั้น ปัจจุบันกรมทรัพย์สินทางปัญญาเตรียมชี้แจงสหรัฐฯ ถึงพัฒนาการและดำเนินการตามแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) เพื่อผลักดันให้ไทยหลุดจากทุกบัญชี แม้ว่าสหรัฐฯ ยังคงสถานะไทยที่ WL แต่ก็ได้ชื่นชมการดำเนินการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทย โดยเฉพาะการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย 2 ฉบับ คือ กฎหมายลิขสิทธิ์และกฎหมายสิทธิบัตร รวมถึงการกำกับดูแลองค์กรจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ (Collective Management Organizations: CMOs) ที่ได้ดำเนินการตามหลักปฏิบัติที่ดีในการบริหารการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลง (Code of conduct) ใช้เครื่องหมายรับรอง CMOs รวมถึงการบูรณาการหน่วยงานของไทยในการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

“รัฐบาล เร่งบูรณาการทำงานกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อขจัดปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ที่แทรกซึมผ่านระบบเศรษฐกิจและกฎหมายไทย เพื่อให้ไทยหลุดจากบัญชี  Watch List (WL) โดยเร็ว ทั้งนี้ รายงานที่ส่งมายังคณะทำงานพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายส่วนเข้าไป พัวพันในการรับสินบน จากผู้นำเข้า ผู้ขายและการขายสินค้าผ่านออนไลน์ จนสามารถเปิดขายได้ตามร้านค้า ตามเว็บไซต์ทั่วไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งบัญชีดำของเจ้าหน้าที่รับสินบนจะถูกดำเนินการต่อไป  ทั้งนี้ หากพบเห็นการจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเจ้าหน้าที่ รับสินบน แจ้งเบาะแสได้ที่  สำนักนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์หมายเลข 1111 หรือ ส่งจดหมายมาที่ “เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า” เลขที่ 1 ทำเนียบรัฐบาล กทม. 10300 และ[email protected] “ นายจุรายุ กล่าว

Message us