
จากกรณีที่มีข่าวว่า เอกสารประมาณการภัยคุกคามด้านความมั่นคงในราชอาณาจักร ในรอบ 1 ปี ห้วงเวลา 1 ต.ค. 67 - 30 ก.ย. 68 ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) มีรายชื่อของนาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ปรากฏอยู่ในหมวดหมู่บุคคลที่แสวงหาผลประโยชน์โดยแอบอ้างสถาบันนั้น
ล่าสุด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยกรณีดังกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง โดยสำนักการข่าว กอ.รมน.นั้น พบว่ามีบางบุคคลแอบนำไปเผยแพร่ ตีความหมายแบบผิดๆ ไม่ครบถ้วน อาจส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดในตัวบุคคลและองค์กรนั้น ขอยืนยันว่าในเอกสารดังกล่าว ไม่ได้มีการระบุว่า นายอนุทินเป็นบุคคลที่แอบอ้างสถาบันฯ แต่อย่างใด โดยในข้อเท็จจริงในเอกสารที่มีระบุถึงนายอนุทินนั้นมีเนื้อหาที่เป็นลักษณะเชิงบวกต่อสถาบันฯ
ทั้งนี้ กล่าวคือ ในรายงานนั้นได้กล่าวถึงสื่อมวลชนนำเสนอว่า นาย อนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าจะไม่สนับสนุนพรรคการเมือง หรือสนับสนุนบุคคลที่มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่มีนโยบายแก้ไข ม.112 ซึ่งให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 67 โดยจากเนื้อหาข้างต้นนี้ จะไปตีความหมายว่าเป็นการแอบอ้างสถาบันได้อย่างไร พร้อมขอผู้ที่มีข้อมูลไม่ครบถ้วน พยายามอย่านำไปประติดประต่อเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด ในตัวบุคคล และองค์กร
ด้าน พล.ต.ธรรมนูญ ไม้สนธิ์ โฆษก กอ.รมน. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง ซึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อตัวบุคคล และหน่วยงานได้ กอ.รมน. ขอยืนยันว่า นายอนุทินไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแอบอ้าง หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการบ่อนทำลายหรือดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนไม่เคยมีประวัติหรือข้อกล่าวหาใดเกี่ยวข้องกับความผิดตาม มาตรา 112 แต่อย่างใด
พล.ต.ธรรมนูญ กล่าวว่าเนื้อหาในรายงานระบุเพียงคำให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เกี่ยวกับจุดยืนเรื่องมาตรา 112 ว่าทุกพรรคร่วมรัฐบาลเห็นพ้องต้องกันว่าไม่แตะ และไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 รวมถึงไม่สนับสนุนพรรคการเมืองหรือบุคคลใดที่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ตามเจตนารมณ์ของพรรค โดยไม่ได้มีข้อความใดที่กล่าวหานายอนุทินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการแอบอ้างสถาบัน หรือกระทำความผิดตามมาตรา 112 แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เอกสารที่ปรากฏดังกล่าวเป็นการรวบรวมข่าวสารจากแหล่งข้อมูลสาธารณะเปิด เพื่อประโยชน์ด้านการติดตามสถานการณ์ มิใช่เอกสารกล่าวหา หรือเอกสารที่แสดงข้อสรุปใด ๆ ทางกฎหมาย และที่สำคัญไม่มีข้อความหรือเนื้อหาส่วนใดในเอกสารที่ระบุว่าบุคคลดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องกับการแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 แต่ประการใด