“ทักษิณ”ประกาศสงครามยาเสพติดลั่นว้าแดงถ้าไม่เลิกผลิตต้องเป็นศรัตรูกัน

เมื่อวันที่27 พ.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประธานอาเซียน ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ “ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” ในการประชุมคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 3/2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)

ทั้งนี้ มีบรรดารัฐมนตรี นายตำรวจระดับสูง นัการเมือง และข้าราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฟังวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม , นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย , นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข , พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม , พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ คณะผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น

นายทักษิณ เริ่มปาฐกถา ในหัวข้อ “ยาเสพติดอาชญากรรมข้ามชาติ มุมมอง และความท้าทาย ในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” ว่า ยาเสพติดเป็นภัยคุกคามปัจจุบัน และอนาคต คือทำลายลูกหลานเรา เยาวชนเรากำลังถูกทำลาย ไม่มีอะไรเกินมือ และสมองเรา วันนี้ต่างคนต่างทำงานไปเรื่อยๆ ไม่สำเร็จ ขาดการบูรณาการที่มีทิศทางที่ชัดเจน ตนดีใจที่ได้รับเชิญ ความจริงอึดอัด อยากพูดเรื่องนี้มานาน ชาวบ้านบอกเศรษฐกิจวันนี้รอได้ แต่ยาเสพติดรอไม่ไหวแล้ว เดือดร้อนไปหมดแล้ว นอนผวากันหมด เมื่อตอนตนป่วย ดูทีวีเห็นเด็กที่ไล่ฆ่าปู่ย่าตายายพ่อแม่ ตอนนั้นเกิดเรื่องที่มหาวิทยาลัยเกษตรฯ ตนสั่งให้ลุยเรื่องนี้ ตนจึงอยากใช้ประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง ซึ่งคงไม่พูดเรื่องความหลัง แต่เป็นสิ่งที่จะต้องมาปรับกับปัจจุบัน

สมัยก่อนพ่อค้ารายใหญ่อยู่ในประเทศไทย การผลิตอยู่ต่างประเทศครึ่งหนึ่ง ไทยครึ่งหนึ่ง แต่วันนี้การผลิตแทบจะ 100% อยู่ที่ว้าแดง รู้จุดแล้วแปลว่าเฉยไม่ได้ พ่อค้ารายใหญ่หลบหนีไปอยู่ข้างบ้านหมด แต่ก็ยังมีเครือข่ายในประเทศไทย เจ้าหน้าที่แกล้งไม่รู้เรื่องหรือไม่อยากรู้เรื่อง วันนี้การแก้ปัญหาต้องประยุกต์จากของเก่ากลับมาเป็นเรื่องใหม่ ทุกหน่วยงานต้องมีใจ เพราะอันตรายเหล่านี้กำลังมาถึงลูกหลานเรา

นายทักษิณกล่าวว่า ตัวยาที่ผลิตใช้ทำยาเสพติดคือคาเฟอีน แม้จะมีหลายอย่าง ตลาดยาเสพติดใหญ่ที่สุดในเพื่อนบ้าน คือประเทศไทย เพราะมีตังค์ที่สุด ตอนนี้มีหน่วยงานที่จัดการยาเสพติด 29 หน่วย ไม่รู้ว่ามากไปเพราะความหอมหวานของงบประมาณหรือไม่ ยาเสพติดเข้าประเทศไทยตรงๆ มาทางเรือ ด้วยคอนเทนเนอร์ ศุลกากรวันนี้ มีตู้เข้ามา 6 ล้านตู้ เครื่องเอ็กซเรย์มีไม่พอ เอ็กซเรย์ไม่หมด เปิดตู้บ้าง ไม่เปิดตู้บ้าง ตั้งใจไม่เปิดตู้ก็มี ไม่รู้คาเฟอีนลงเรือที่เขมร มาที่แหลมฉบัง วันนี้ที่เราแย่ สู้ประเทศอื่นไม่ได้ ถอยลง เพราะระบบราชการเราถูกวางไว้ให้ต่างคนต่างทำ ขาดเจ้าภาพและวัดเคพีไอ วันนี้ต้องกลับมาเข้ามาสู่ยุคการบริหารแบบการบริหารองค์กร ที่ผ่านมาเราไม่ได้บริหาร แต่เราทำธุรกรรม คือทำให้เสร็จไปวันๆ ไม่มียุทธศาสตร์ ไม่มีเป้าหมาย

แหล่งผลิต อยู่ในว้าแดง เขตติดต่อสามเหลี่ยมทองคำ รัฐฉาน วันนี้ตนมีความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านค่อนข้างดี เพราะเป็นคนแก่ที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงพยายามไล่ตามความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านให้เกิดประโยชน์ แต่บังเอิญไปไหนไม่ค่อยได้ ดังนั้นถึงเวลาที่เราจะต้องขอความร่วมมืออย่างจริงจังกับประเทศเพื่อนบ้าน แหล่งผลิต ถ้าเมียนมาบอกว่าจัดการไม่ได้ เพราะเป็นชนกลุ่มน้อย เราคงต้องขอจัดการเองมั้ง เพราะมันเป็นศัตรูของเรา มันอยู่ในพื้นที่ไหน ถ้าเขาจัดการไม่ได้ เราต้องขออนุญาต วิธีจัดการของเราก็มีวิธีที่สากลรับได้ และต้องจัดการเรื่องแหล่งผลิต คิดว่าอีกไม่กี่เดือน 1-2 เดือนนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องไปพบปะกับเพื่อนบ้านทั้งหมด เพื่อผนึกกำลังกันให้ว้าแดง เลิกผลิตยาเสพติด ถ้าคุณยังผลิต คุณคือศัตรูของประเทศไทย เราไม่ควรมีความปราณีกับศัตรู นี่เป็นสิ่งที่ตนคิดว่ารัฐบาลจะต้องมีความชัดเจน ต้องเกิดขึ้น

การลำเลียง ผ่านชายแดนไทยไปทางลาวผ่านแม่น้ำโขง การจับเป็นปลายทาง แต่เราต้องดักจับทุกรูปแบบ ที่สำคัญ มันต้องจบที่หมู่บ้าน และชุมชน ต้องสีขาวให้ได้ ดังนั้น ความร่วมมือของส่วนราชการสำคัญมาก สมัยก่อนตนให้เอ็กซเรย์ทุกตารางนิ้วของประเทศไทย สำคัญที่สุด ตำรวจและปกครอง จะต้องเป็นปาท่องโก๋ ต้องไปด้วยกัน จับมือกัน ต้องรักกัน ต่างคนต่างทำไม่ได้ ผู้การตำรวจกับผู้ว่า นายอำเภอกับผู้กำกับ ปลัดอำเภอกับสารวัตร ทำให้เราสามารถซอยย่อยลงไป เอกซเรย์จัดการได้หมด สำคัญที่สุดอย่าให้พ่อค้ายา ที่ทุกคนรู้หมดในชุมชนเหล่านั้น อย่าให้มันอยู่ในหมู่บ้าน ให้ไปอยู่ที่อื่น ต้องจับกุมไปอยู่ในเรือนจำ เป็นภารกิจที่สำคัญ ตนจึงขออนุญาตนายกรัฐมนตรี ว่า ตนว่างๆ แก่แล้ว ไม่มีอะไร จะไปต่างจังหวัด ไปดูแต่ละชุมชนว่าหมู่บ้านไหน มีเรื่องยาเสพติด ตนจะได้มารายงานรัฐมนตรีมหาดไทย ว่าขณะนี้ พ่อค้ายา อยู่สบายมากเลย ทรัพย์ก็ไม่โดนยึด ขอให้รัฐมนตรีไปสืบทรัพย์หน่อยได้หรือไม่ ตนว่าจะเป็นคนขี้ฟ้องหน่อย เดินไปเล่นๆ และฟ้องไปเรื่อยๆ

นายทักษิณ กล่าวว่า ที่สำคัญวันนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งมีทุกพื้นที่ โดยมี 3 ส่วน หนึ่งคือกำลังของ กอ.รมน. ส่วนที่สองคือกำลังของการช่วยราชการ และส่วนที่สามคือตามตำแหน่งงาน ซึ่งมีงบประมาณอยู่ปีละ 7,000 กว่าล้าน เอาไปใช้งานภาคใต้ 3,000 กว่าล้าน อีก 4,000 กว่าล้านใช้ทั่วไป โดยตนมองว่าเที่ยวนี้จะเป็นการพิสูจน์ เพราะมีคนบอกให้ยุบกอ.รมน.ทิ้ง แต่ตนก็ยังไม่เชื่อว่าจะยุบหรือไม่ยุบดี ดังนั้น กอ.รมน. จะเป็นคนคิดเอง ว่าควรจะยุบหรือไม่ และในพื้นที่ภาคใต้และงานยาเสพติด กอ.รมน.ก็จะต้องมีบทบาทอย่างเข้มแข็งเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น คนก็จะฟ้องอีกว่าช่วยยุบเถอะ เพราะเสียดาย 7,000 กว่าล้าน

นายทักษิณยังแสดงความเป็นห่วงเรื่องการบำบัด ซึ่งอ้างอิงว่าครั้งนั้นการปราบปรามใช้ค่ายทหารเพราะคลีนและไม่มีฉี่ม่วง แต่มีการตรวจจับ พบว่ามีการกระจายเรื่องยาเสพติดไปยัง นายก อบต. วันนี้จึงอยากฝากว่า งบประมาณ 157,000 ล้านบาท ที่คิดว่าจะเอาไปทำอะไร เห็นว่า ส่วนหนึ่งหากนำไปจัดการเรื่องปัญหายาเสพติดให้เด็ดขาด ภายในสิ้นปี 2568 นี้ เชื่อว่าประชาชนจะไม่โกรธ เรื่องการเลื่อนดิจิทัลวอลเล็ตออกไป พร้อมเสนอแนะว่สควรตั้งศูนย์บำบัดในแต่ละอำเภอ หรือตั้งในอำเภอที่มีความสมัครใจ จะทำให้การบำบัดผู้ติดยาเสพติดสามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่การบำบัดก็ไม่เพียงพอ จะต้องคลีนชุมชนให้ได้ด้วย

นายทักษิณ ยังหยิบยกกรณีในสมัยก่อน สิ่งใดทำดีทำถูกต้อง จะมีการให้รางวัล เช่น ค่านำจับ ขณะนั้นเศรษฐกิจดี แต่ปัจจุบันเป็นหนี้เยอะ เสนอให้จัดทำนีวอร์ดควบคู่กับการแก้ไขปัญหายาเสพติดเชื่อว่าสามารถเอาอยู่ แล้ววันนี้คิดว่า ผบ.ตร. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต้องออกไปกินข้าวกันบ่อยขึ้น เพื่อวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และตำรวจทำงานร่วมกัน ซึ่งหากตรงไหนไม่ถูกกันก็ให้เปลี่ยนที่อยู่ เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างสามัคคี ซึ่งจังหวะดังกล่าวนี้ นายอนุทิน หันไปยิ้มและพยักหน้ากับพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ตนก็เป็นห่วงกระทรวงศึกษาธิการ เพราะการให้การศึกษาความรู้กับเด็กเยาวชนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องมีการปลูกฝังตั้งแต่ชั้นอนุบาล โดยหยิบยกการศึกษาญี่ปุ่นปลูกฝังเด็กตั้งแต่อนุบาลเรื่องการรักษาความสะอาดจนกลายเป็นวัฒนธรรม แต่วันนี้กระทรวงศึกษาของไทย อาจารย์ต้องเขียนรายงานอย่างเดียวเพื่อที่จะได้เลื่อนวิทยฐานะ จึงไม่มีเวลาสอนหรืออบรม ต้องมีการแก้ไขในชุดนี้

ส่วนกระทรวงสาธารณสุขต้องเน้นเรื่องการบำบัดให้เต็มที่ อย่าคิดว่าเด็กเหล่านี้เป็นโรคจิต เพราะเด็กบางครั้งไปเจอยาที่มีปฏิกิริยากับร่างกาย และไปผสมค็อกเทล กัญชาและกัญชง จนทำให้เกิดภาวะทางจิตมีอาการคลั่ง ดังนั้นจะต้องให้การศึกษาเด็กควบคู่กับการบำบัดโดยกระทรวงสาธารณสุข

นายทักษิณ ยังหยิบยกการซีลชายแดน ที่ต้องขอความร่วมมือจากทหารและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการสกัดช่องทางขนส่งยาเสพติดทางธรรมชาติ โดยชี้ว่าชายแดนเป็นปัญหาหนึ่งของการค้ายา ค้าอาวุธ ปัญหาค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ ขนสินค้าจากเพื่อนบ้าน วันนี้เรื่องของชายแดน ต้องขอตำรวจตระเวณชายแดน ทหาร และกรมศุลกากรต้องเอาจริงเอาจัง อย่าเข้าสุภาษิต “เข้าเกียร์ว่าง..ได้ตังค์ใช้” พร้อมกันนี้ ฝากไปยังหัวหน้าส่วนราชการทุกคนขอให้จริงจังกับการแก้ไขปัญหา

นายทักษิณย้ำอีกว่าการปราบปรามยาเสพติดครั้งนี้ ต้องไม่ใช่ไฟไหม้ฟาง แต่จะต้องทำต่อเนื่อง อย่าให้มีพ่อค้ายาเสพติดเหลืออยู่ในชุมชน ให้ประกาศใครยุ่งกับยาเสพติด อย่าไปญาติดีด้วย จะต้องมีการสกัดทุกทาง

“วันนี้ถ้าใครยุ่งกับยาเสพติด คือศัตรูของประเทศไทย วันนี้ ’ว้าแดง‘ รวยมากและมีเครื่องมือทุกอย่าง ที่เราจับได้เยอะเพราะเราเข้มแข็งขึ้น และที่เขามีการผลิตเยอะขึ้น เพราะเขาซื้อเครื่องมือมาจากจีน ซึ่งเป็นของดีหมด วันนี้เรากับจีนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง สกัดกั้นให้ได้ เพราะถือว่านี่คือศัตรูของประเทศไทย และเราจะต้องหาข่าวให้ได้ ว่าทำที่ไหนอย่างไร พิกัดไหน ที่สำคัญ ถ้าจะต้องใช้ไฟฟ้าจากไทยก็จะต้องตัด จะให้ไฟฟ้าจากไทยมาใช้ผลิตยาเสพติดไม่ได้ และถ้าใช้ระบบสื่อสารจากไทยก็ต้องตัด ใครไม่ร่วมมือก็ถือว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศตัวเอง ข้อหาสมรู้ร่วมคิดหรือเป็นผู้สนับสนุน ไม่มีอะไรเกินกำลังพวกเรา”

นายทักษิณกล่าวว่า เรื่องภาคใต้ก็ไม่ยาก หากต้องพูดคุยกัน ก็พูดคุยอย่างตรงไปตรงมา แต่ถ้าคุยไม่รู้เรื่อง หากจะต้องทุบก็ต้องทุบ ต้องเด็ดขาด วันนี้อย่าเยาะแหยะ คุยก็ไม่จริงจัง ปราบปรามก็ไม่จริงจัง ใครจะกลัวเรา ต้องชัดเจน แล้วเราช่วยกันเอกซเรย์ทุกพื้นที่ ที่ไหนไม่มีก็ประกาศเลย อำเภอนี้สีขาว ให้รางวัลไปเลย กระทรวงมหาดไทยอาจมีระบบที่จูงใจ ตำรวจอาจมีระบบที่จูงใจ ใครทำพื้นที่สีขาวมีรางวัลมีโปรโมชั่น ทุกคนทำงานก็อยากให้ผู้บังคับบัญชารับรู้ อย่าให้ประเพณี ’ไม่ทำไม่ผิด‘ ฝังอยู่ในสังคม ถ้าเราเน้นตรงนี้พร้อมกับนำบทเรียนเก่าๆ มา ซึ่งอันเก่าตนเน้นทฤษฎีอุปสงค์อุปทาน ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ตรงนี้ยังใช้ได้อยู่

นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้เด็กไทยโตขึ้นมาก็จะสู้เขาไม่ได้ ทั้งระบบการศึกษา ระบบเศรษฐกิจ ที่ทำให้ลูกหลานเรียนได้ไม่เต็มที่ หรือเทคโนโลยีที่ตามเขาไม่ทัน แต่ที่หนักสุดคือยาเสพติด ดังนั้นถ้าวันนี้ไม่ทำให้ประชาชนเข้มแข็ง เราจะแข่งขันกับเขาไม่ได้ อยากให้ทุกคนตระหนักว่ายาเสพติดคือปัญหาของชาติต้องช่วยกัน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกัน โดยเฉพาะมหาดไทยกับตำรวจ เอ็กซเรย์ทุกพื้นที่ และให้ชาวบ้านช่วยเฝ้าระวัง

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้สิ่งที่ตนยังสงสัย คือเรื่องของการติดตามเครือข่ายที่หลบหนีออกไปนอกประเทศ แต่ยังมีการติดต่อกับผู้ค้ารายย่อยในประเทศ ว่ามีข้อมูลในส่วนนี้อยู่ และจะต้องไล่บี้ให้ถึงที่สุด ตนเชื่อว่าตำรวจไทยทำได้ และตำรวจไทยจะต้องได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย ท่านปลัดต้องไปขอไม้แขวนเสื้อมาไว้ซัก 10 ไม้ ใครไม่ทำงานก็ให้มาอยู่ในไม้แขวนเสื้อ รับรองขึ้นหมดภายในไม่กี่วัน

“ตอนที่ผมอยู่นั้น ผมจะถามว่าทำได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้จะให้คนอื่นมาทำแทน ถ้าเขารู้ว่าเราจริงจัง เขาจะจริงจังตาม ผมจะรับอาสานายกอิ๊งค์ ไปเยี่ยมชาวบ้าน ที่ไหนมาฟ้องผมว่าตรงไหนไม่ดี ผมจะฟ้องปลัดมหาดไทยต่อ” นายทักษิณกล่าว

Message us