ลุงหวิดซวยนำสร้อยทองเมียไปจำนำขาดต่อดอกถูกยึดไถ่ถอนคืนไม่ได้โชคดี”นายกสมนึก”ยื่นมือช่วย

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่โรงรับจำนำสถานธนานุบาลเทศบาลนครนนทบุรี 1 ใกล้หอนาฬิกาท่าน้ำเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี นายไพโรจน์ โรจนสิงห์ อายุ 66 ปี อาชีพค้าขาย เปิดเผยว่า ตตนได้นำสร้อยข้อมือของภรรยาหนัก 1 บาท มาจำนำไว้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 โดยต้องต่อดอกทุกๆ 5 เดือน ในวันนี้ตนจะมาไถ่ทองของภรรยาคืน แต่พบว่าเลยมา 4 วัน ไม่สามารถไถ่ทองคืนได้ทางหลงจู้เจ้าของโรงรับจำนำบอกว่า ตั๋วจำนำของตนขาดอายุในการต่อดอกเอาของคืนแล้ว ต้องไปหาซื้อหรือไถ่ทรัพย์หลุดคืนเอาเองในภายหลัง และจะต้องซื้อกลับในราคา 50,000 บาท ของราคาทองปัจจุบัน

ทั้งนี้ พอทราบว่าไม่สามารถไถ่ของคืนได้รู้สึกเสียใจมาก เพราะตนเดินทางไปค้าขายที่จังหวัดพะเยาและกลับมาไม่ทัน เลยมาเพียง 4 วัน จึงมาขอความเห็นใจจากทางหลงจู้ ของโรงรับจํานําแห่งนี้ แต่ทางหลงจู้ก็บอกว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ เพราะเป็นคนผิดสัญญาเอง ตอนนั้นตนจำนำไว้แค่ 10,000 บาท เพราะไม่อยากเสียดอกเบี้ยเยอะ ไม่คิดว่าทองเส้นนี้ซึ่งเป็นของภรรยา จะต้องมาถูกทางโรงรับจำนำยึดไปรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พาลุงไพโรจน์ เดินทางไปพบนายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี ซึ่งโรงรับจำนำแห่งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลนครนนทบุรี โดยนายสมนึกได้ตรวจดูตั๋วจำนำของลุงไพโรจน์พร้อมทั้งเรียกหลงจู้ของโรงรับจำนำมาพูดคุยหาทางออก จนทราบว่า ลุงไพโรจน์ ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย จึงได้สั่งการให้ทางโรงรับจำนำช่วยเหลือต่อดอกเบี้ยให้กับลุงไพโรจน์ออกไปก่อน โดยภายในเดือนหน้าให้ลุงไพโรจน์นำเงินจำนวน 10,500 บาท มาไถ่ถอนคืนจากโรงรับจำนำ พร้อมทั้งรับสร้อยข้อมือทองคำของภรรยากลับคืนไปได้ ทำให้ลุงไพโรจน์ถึงกับซึ้งใจยกมือไหว้นายกสมนึก ด้วยความ ดีใจที่ไม่ต้องกลับไปถูกภรรยาต่อว่าหรือด่าทอ ที่นำทองมาจำนำแล้วปล่อยให้ขาด

นายสมนึก กล่าวว่า โรงรับจำนำสถานธนานุบาลเทศบาลนครนนทบุรี 1 อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลนครนนทบุรี เข้าใจถึงหัวอกคนที่นำสิ่งของมาจำนำ ถ้าไม่ลำบากและไม่จนจริง เขาคงไม่นำมาจำนำ สถานธนานุบาลเทศบาลนครนนทบุรี มีหน้าที่ช่วยเหลือคนจนอยู่แล้ว แต่ก็อยากฝากถึงคนที่นำสิ่งของมาจำนำว่าให้ตรงต่อเวลาและควรตรวจสอบให้ดี อย่าปล่อยให้ตั๋วจำนำขาดอายุหรือไม่มาต่อดอกเบี้ย เพราะไม่ใช่ว่าจะช่วยเหลือได้แบบนี้ทุกรายเสมอไป


Message us