
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ได้รับมอบหมายจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ปฏิบัติภารกิจในฐานะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทย เข้าร่วมพิธีมิสซาสมณภิเษกสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ ณ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน เพื่อแสดงความเคารพและร่วมแสดงความยินดีอย่างเป็นทางการ ในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทย นับเป็นความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยกับนครรัฐวาติกันที่สืบเนื่องมายาวนาน

พิธีอันศักดิ์สิทธิ์และทรงเกียรตินี้จัดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันเปี่ยมด้วยศรัทธา โดยมีคณะบุคคลสำคัญ ผู้นำทางศาสนา และผู้ศรัทธาจำนวนมากจากทั่วโลกหลั่งไหลสู่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ร่วมเป็นประจักษ์พยานในการสมณภิเษกสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 (His Holiness Pope Leo XIV) ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกพระองค์ใหม่ ซึ่งทรงเป็นพระสันตะปาปาชาวอเมริกันพระองค์แรกในประวัติศาสตร์ และเป็นสันตะปาปาลำดับที่ 267 แห่งศาสนจักร ซึ่งพระองค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำที่มุ่งเน้นความเมตตา การฟื้นฟูศรัทธา และการสานต่อบทบาทของคริสตจักรในโลกยุคใหม่

สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงเป็นผู้นำในพิธีมิสซาเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการประกาศเริ่มต้นสมณสมัยของพระองค์อย่างเป็นทางการ โดยพิธีเริ่มต้นด้วยขบวนเสด็จของพระองค์เคลื่อนสู่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และทำการสวดภาวนาที่สุสานของนักบุญเปโตร ซึ่งเป็นหนึ่งในพิธีกรรมสำคัญที่สืบสานตามธรรมเนียมโบราณ ต่อจากนั้นได้มีการอ่านพระคัมภัร์ และมีพิธีถวายผ้าคลุมประจำตำแหน่ง และแหวนนักประมง (Fisherman’s Ring) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและภารกิจของพระสันตะปาปา นอกจากนี้ ได้ให้ตัวแทนคาทอลิกสามัญจากทั่วโลกแทนคาร์ดินัลแสดงความอยู่ในโอวาท (obedience) ต่อพระสันตะปาปา ภายหลังพิธีมิสซา พระสันตะปาปาได้พบปะกับคณะผู้แทนจากนานาชาติ รวมทั้ง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทยที่ได้เข้าเฝ้าพระองค์ ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างวาติกันและประชาคมนานาชาติ ก่อนที่สมเด็จพระสันตะปาปาจะเริ่มทรงปฏิบัติพระกรณียกิจอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ นางสาวธีรรัตน์ ได้พบกับพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พระอัครสังฆราชกิตติคุณแห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ที่ได้เดินทางร่วมพิธีและเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ในโอกาสอันสำคัญนี้ด้วย การได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ นับเป็นเกียรติอันสูงสุดของรัฐบาลไทย และเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างสองรัฐที่มีบทบาทสำคัญร่วมกันทั้งในด้านศาสนา วัฒนธรรม และการส่งเสริมสันติภาพ

ในโอกาสเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มีสารแสดงความยินดีอย่างเป็นทางการถึงสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทย พร้อมทั้งแสดงความเคารพอย่างสูงต่อภารกิจอันสำคัญของพระองค์ในการนำพาศาสนจักรไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียว และสนับสนุนบทบาทของนครรัฐวาติกันในการส่งเสริมสันติภาพ ความเมตตา และความเข้าใจอันดีระหว่างมนุษยชาติทั่วโลก
