
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระบัญชาให้ สมเด็จพระธีรญาณมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์ เป็นประธานในพิธีทรงตั้งเปรียญธรรม 3 ประโยค และมอบประกาศนียบัตร ประโยค 1-2 แก่พระภิกษุสามเณรในเขตปกครองคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร ประจำปีพุทธศักราช 2568 จำนวน 533 รูป โดยมี นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมปฏิบัติงานพิธีและพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร


ในการนี้ สมเด็จพระธีรญาณมุนี ได้เชิญพระโอวาท สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มายังพระภิกษุสามเณรที่สอบได้ ความว่า “ตามที่ สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงตั้งเปรียญธรรม พระภิกษุสามเณร ที่สอบไล่ได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค ประจำพุทธศักราช ๒๕๖๘ นั้น ในนามคณะสงฆ์ ขอแสดงมุทิตาจิตด้วยความชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง


สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระพุทธดำรัสไว้ว่า “ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลอันล่วงไปแห่งเรา” เพราะฉะนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ยังคงมีพระศาสดาเสด็จอยู่ แม้ไม่ใช่ด้วยพระรูปกาย หากแต่ยังทรงดำรงอยู่อย่างแน่แท้ด้วยพระพุทธคุณอันปรากฏให้พุทธบริษัททั้งหลายสามารถเข้าถึงได้ ก็ด้วยการรู้แจ้งแทงตลอด ในพระสัทธรรม ที่ทรงแสดงไว้ดีแล้ว


บูรพาจารย์คณะสงฆ์ไทยอุตสาหะพากเพียรสรรค์สร้างระบบการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีไว้ก็เพื่อให้พระภิกษุสามเณรได้เข้าถึงพระสัทธรรมด้วยความเข้าใจกระจ่างแจ้งในอรรถะและพยัญชนะแห่งพระไตรปิฎกและพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาในมคธภาษา ผู้ศึกษาพระบาลีจึงมีหน้าที่ที่จะต้องเป็นกำลังสำคัญในการชี้แจง โต้แย้ง แก้ไข บรรดาคำอธิบายอันอุตริหรือทัศนะอันเป็นอัตโนมตินอกแบบของบรรดาผู้ไม่รู้จริงหรือผู้ประมาทในการศึกษา แล้วกระทำอกุศลกรรมอันร้ายกาจ คือการกระทำสัทธรรมปฏิรูป และการทำลายความน่าเชื่อถือของคณะสงฆ์ไทย ในการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม


อย่างไรก็ดี การที่ท่านจะทำหน้าที่รักษาพระศาสนาได้เช่นนั้น ท่านมหาเปรียญ จำเป็นต้องศึกษา วิจัย ทำความเข้าใจ ปฏิบัติ และเผยแผ่พระธรรมวินัยในพระไตรปิฎก อันเป็นเครื่องยืนยันความมีอยู่ของพระพุทธศาสนา และพระบรมศาสดา ให้สมกับเจตนารมณ์ของการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ที่ท่านได้สำเร็จตามหลักสูตรมาแล้ว ขอจงอย่าได้หยุดอยู่เพียงความรู้ทางภาษา แต่ขอให้ตั้งปณิธานที่จะมีสติปัญญา โดยรู้รอบและรู้ลึกในพระพุทธธรรมให้จงได้


คณะสงฆ์ ขอถวายกำลังใจให้ทุกท่าน หมั่นอุตสาหะพากเพียรฉลองพระราชศรัทธาของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ผู้ทรงพระมหากรุณาอุปถัมภ์บำรุงคณะสงฆ์ และการศึกษาพระบาลีของท่านทั้งหลายมาโดยตลอด ด้วยการเร่งพัฒนาตน ให้พรั่งพร้อมด้วยกำลังสติปัญญายิ่งๆ ขึ้นไปอย่างมิหยุดยั้ง ขออำนวยพรให้ความปรารถนาอันดีงามของท่านทั้งหลาย ผู้มีมนัสเลื่อมใสมั่นคงในพระรัตนตรัย จงเป็นผลสัมฤทธิ์ จงเป็นผลสัมฤทธิ์ จงเป็นผลสัมฤทธิ์ ทุกประการ เทอญ”



