มหาดไทยสั่งเสริมกำลังอส.คุมเข้มจังหวัดชายแดนภาคใต้จนกว่าเหตุการณ์สงบ

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน มีความห่วงใยในความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโดยเฉพาะสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอในพื้นที่จังหวัดสงขลาที่ถือเป็นผู้ปฏิบัติงานที่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนและสถานการณ์ความไม่สงบอย่างมาก

ทั้งนี้ นายอนุทิน จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัด  ให้กำชับ 4 แนวทางปฏิบัติภารกิจกองอาสารักษาดินแดนในพื้นที่ ด้วยการเพิ่มมาตรการระวังป้องกันและเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์การก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ พร้อมทั้งขอให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ และเจ้าหน้าที่ที่สังกัดกองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัด ให้อยู่ภายในพื้นที่คอยดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน จัดเตรียมทรัพยากร เพื่อเสริมภารกิจ และจัดกำลังพลเพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่และชุมชนต่าง ๆ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับมาตรการระวังป้องกันและเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์การก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ 4 แนวทาง ดังนี้

  1. มาตรการด้านกำลังพล โดยให้ทุกกองร้อยรักษายอดกำลังพล และเตรียมพร้อมในการปฏิบัติ ณ ที่ตั้ง งดเวรลาพักของสมาชิก อส. จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และกำชับกำลังพลในส่วนของชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) ที่ไม่ได้อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ให้ออกนอกฐานปฏิบัติการในเวลากลางคืน และให้ประกอบเลี้ยงภายในฐานปฏิบัติการ
  2. ด้านการเตรียมการป้องกันฐานปฏิบัติการ สถานที่ราชการ และทรัพย์สินของทางราชการ ด้วยการจัดให้มีเวรรักษาความปลอดภัยที่ตั้งฐานปฏิบัติการในลักษณะเตรียมพร้อมสูงสุด ผลัดเปลี่ยนเวรตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดทำเครื่องกีดขวาง เสริมความมั่นคงด้วยอุปกรณ์ป้อมสนามและรั้วลวดหนามหีบเพลง เพื่อความแข็งแรงของฐานปฏิบัติการ และสถานที่ราชการ และติดตั้งระบบไฟแสงส่องสว่างรอบที่ตั้งฐานปฏิบัติการ-สถานที่ราชการ อย่างเพียงพอ จัดระบบสัญญาณเตือนภัยและอาวุธของยามรักษาการให้เหมาะสม มีระบบการควบคุมและบันทึกหลักฐานบุคคลหรือยานพาหนะผ่านเข้า – ออกที่ตั้งฐานปฏิบัติการ พร้อมจัดกำลังออกลาดตระเวนรอบที่ตั้งฐานปฏิบัติการ สถานที่ราชการ อย่างต่อเนื่อง มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเพื่อให้เกิดความชำนาญ สามารถปฏิบัติตามแผนฯ ได้อย่างเป็นระบบ รวมทั้งกำหนดพื้นที่ล่อแหลมหรือเป้าหมายที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
  3. ด้านการข่าว ด้วยการบูรณาการด้านการข่าวร่วมกับทหาร ตำรวจ และหน่วยงานด้านการข่าวอื่น ๆ อย่างเป็นเอกภาพ พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายแหล่งข่าวจากทุกหน่วยและประชาชนทุกช่วงวัยในพื้นที่ และมีการติดต่อสื่อสารกับหน่วยเหนือ และหน่วยข้างเคียงอย่างต่อเนื่อง
  4. ด้านการรักษาความปลอดภัยอาวุธและยุทโธปกรณ์ของทางราชการ ด้วยการจัดทำบัญชีควบคุมการเบิก – จ่ายอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างถูกต้อง ชัดเจน ทั้งการเบิกจ่าย และการส่งคืนเข้าสู่คลัง

ด้าน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 4 จังหวัด ให้บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง และเต็มความสามารถในการสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ สร้างความเชื่อมั่นต่อความมั่นคงปลอดภัยในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ประสานการทำงานร่วมกันกับฝ่ายความมั่นคงทุกภาคส่วน ตลอดจนเพิ่มความเข้มงวดในการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงด้วยความใกล้ชิด

“กระทรวงมหาดไทยพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และตระหนักถึงความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว

Message us