ระดม 60 ล้านค่าทำเนียมโอนที่ดิน 2,400 ไร่ของมูลนิธิวัดสวนแก้วมาเป็นกรรมสิทธิ์ของวัด

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี มีการจัดแถลงข่าวโครงการ “ร่วมบุญถวายที่ดินวัดสวนแก้ว” โดยมี พระเทพวชิรนันทาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว น.ส.ปาณิสรา กาญจนะจิตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และ ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา หรือ มหาหมี รองประธานมูลนิธิกองทัพธรรม ร่วมแถลง

นายอนันต์ชัย กล่าวว่า การแถลงในวันนี้มีเป้าหมายเพื่อเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคเงินสำหรับใช้เป็นค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการดำเนินการโอนที่ดินจากมูลนิธิวัดสวนแก้วมาเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดสวนแก้ว ซึ่งจะทำให้ที่ดินเหล่านั้นกลายเป็น “ที่ธรณีสงฆ์” ที่ไม่สามารถจำหน่าย จ่าย โอน หรือถูกนำไปบังคับคดีได้ในอนาคต โดยขณะนี้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับวัดสวนแก้วมีทั้งหมดประมาณ 2,400 ไร่ แบ่งเป็น ที่ดินมีโฉนด 1,541 ไร่ เอกสารสิทธิ น.ส.3 จำนวน 419 ไร่ เอกสารสิทธิครอบครอง 411 ไร่ ในจำนวนนี้ ที่ดินในเขตพื้นที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน มีประมาณ 216 ไร่ ที่ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิ ยังไม่ได้โอนเป็นของวัด

ทั้งนี้ หากในอนาคตพระพยอมไม่อยู่แล้ว ที่ดินซึ่งอยู่ภายใต้มูลนิธิอาจถูกนำไปซื้อขายหรือโอนเปลี่ยนแปลงได้ เพราะมูลนิธิถือเป็นนิติบุคคล ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมา ดังนั้นการโอนให้เป็นที่ธรณีสงฆ์จะเป็นการสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับวัด กระบวนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวนมากจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย โดยเบื้องต้นคำนวณค่าธรรมเนียมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 60 ล้านบาท ดังนั้นทางวัดและมูลนิธิจึงจะดำเนินการเรี่ยไรเงินจากสาธุชน โดยจะปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487 อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรประจำอำเภอบางใหญ่ และปฏิบัติตามระเบียบของมหาเถรสมาคมด้วย

นายอนันต์ชัย กล่าวย้ำว่า เงินที่รับบริจาคในครั้งนี้ไม่ใช่การระดมทุนเพื่อ “ซื้อที่ดิน” แต่เป็นการระดมทุนเพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินจากมูลนิธิให้กลายเป็นของวัดอย่างถูกต้อง โปร่งใส โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบการใช้จ่ายอย่างรัดกุม ภายในการแถลงข่าว มีผู้แทนจากหลายหน่วยงานเข้าร่วม อาทิ ตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายอำเภอบางใหญ่ เจ้าหน้าที่กรมที่ดินจังหวัดนนทบุรี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรี โดยที่ประชุมได้หารือในประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเรี่ยไรเงินบริจาคอย่างละเอียด

ด้าน ดร.ประยุทธ กล่าวว่า เจตนารมณ์ของพระพยอมคือการส่งมอบที่ดินที่เป็นของมูลนิธิ (ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัว) ให้กลายเป็นสมบัติของวัดอย่างสมบูรณ์ หากการโอนเสร็จสิ้นจะถือเป็นการโอนที่ดินครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และจะช่วยเสริมศักยภาพให้วัดสวนแก้วสามารถดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือผู้ยากไร้ได้อย่างยั่งยืนต่อไป

ขณะที่ พระพยอม กล่าวว่า หลังการประชุมรู้สึกโล่งใจ เชื่อว่าแนวทางที่ดำเนินการในวันนี้จะไม่ทำให้วัดต้องประสบปัญหาในอนาคตเหมือนวัดอื่นๆ ที่มีข่าวคราวในช่วงที่ผ่านมา หากตนละสังขารไป คนที่มารับช่วงต่อก็จะบริหารงานต่อได้อย่างราบรื่น โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างรอทีมทนายความของมูลนิธิกองทัพธรรมดำเนินการเรื่องเรี่ยไรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม หากญาติโยมท่านใดมีจิตศรัทธาอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสามารถติดต่อได้โดยตรงผ่านวัดสวนแก้ว ซึ่งจะมีข้อมูลบัญชีธนาคาร เลขบัญชี 664-6-91180-0 ชื่อบัญชี วัดสวนแก้ว ธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต อย่างเป็นทางการที่จัดทำขึ้นเพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะ

Message us