เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่สถานีตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 5 อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ชุดป้องกันปราบปรามการลักลอบขนไม้ ประกอบด้วยชุดพยัคฆ์ไพรและชุดพญาเสือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประสานงานกับ ตำรวจทางหลวงพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 สกัดจับการลักลอบขนไม้เถื่อนแปรรูป 2 คันรถบรรทุกสิบล้อ โดยสามารถจับได้ 2 คัน ทะเบียนจังหวัดเพชรบุรี และทะเบียนจังหวัดเลย ขนไม้แปรรูปเป็นไม้แผ่นขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นไม้ประดู่ มูลค่าร่วม 2 ล้านบาท จับได้พร้อมผู้ต้องหาคนขับรถ 2 คน ทางเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมาที่ตำรวจทางหลวงพิษณุโลก เพื่อตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย
การจับกุมครั้งนี้ ตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 5 ได้รับการประสาน จากชุดพยัคฆ์ไพร ให้สกัดจับรถบรรทุก 2 คันหลุดการติดตามจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ผ่านจังหวัดพิษณุโลก ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามและสามารถสกัดจับได้ที่อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ทำการตรวจยึดไม้ประดู่แปรรูปเป็นแผ่นขนาดใหญ่ น้ำหนักประมาณ 14-15 ตันต่อคัน หรือคิดเป็น 15-17 ลูกบาศ์กเมตรต่อคัน รวม 34 ลบ.ม. แต่ละคันบรรทุกไม้ประดู่ 120 แผ่นขึ้นไป และกำลังสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คัน เพื่อทำบันทึกคดี และแจ้งข้อหาตาม พรบ.ป่าไม้ต่อไป
นายชัยชาญ ศรียงค์ หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ กรมอุทยานแห่งชาติ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อต้นเดือนก.ค. ที่ผ่านมา มีการประสานงานกันระหว่าง นายชาญชัย กิจศักดาภาพ ชุดพยัคฆ์ไทย กรมป่าไม้ และ นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าชุดพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สืบทราบว่ามีกระบวนการลักลอบขนไม้แปรรูปจากภาคเหนือไปสู่ภาคอีสาน มีต้นทางอยู่ที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ปลายทางที่จังหวัดหนองคาย จึงได้ทำการฝังตัวสืบสวน กระทั่งทราบว่า มีกระบวนการลักลอบขนไม้เถื่อนแปรรูปที่ลักลอบตัดมาจากเขตป่าสงวนแห่งชาติในหลายพื้นที่
ทั้งนี้ เส้นทางลำเลียงมาจากทั้งจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน มุ่งหน้าส่งลูกค้าปลายทางที่จังหวัดหนองคาย จึงได้เฝ้าระวังและติดตามสืบสวนกระทั่งทราบว่ารถบรรทุก 2 คันนี้ ก่อนควบคุมมาดำเนินคดีบันทึกจับกุมที่สำนักทางหลวงพิษณุโลก จากการสอบสวนคนขับรถให้การเบื้องต้นทราบว่ารับจ้างขนไม้ ได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 50,000 บาท และพยายาม ขับรถไปส่งโดยหลีกเลี่ยงด่าน ที่เคยตั้งเฉพาะจุด กระทั่งสามารถสกัดจับได้ที่อำเภอวังทอง ซึ่งจากการข่าวมูลค่าไม้เมื่อถึงปลายทางมีมูลค่าร่วม 2 ล้านบาท
ข่าว/ภาพ : นายชินวัฒน์ สิงหะ ผู้สื่อข่าวจังหวัดพิษณุโลก
