
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระแรก วันที่ 2 บรรยากาศค่อนข้างคึกคัก โดยเฉพาะช่วงการชี้แจงของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ง ต่อประเด็นการฮั้วประมูลของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ตามที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปราย ไปเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ตนขออภัยกับประชาชน ที่นายวิโรตน์ไม่รู้กาละเทศะ ที่ใช้เวทีอภิปรายงบฯ 69 อภิปรายเรื่องฮั้วประมูล ตนไม่เข้าใจว่าเหตุใด ถึงไม่อภิปรายในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบที่ผ่านมา
นายสุริยะ ชี้แจงว่า หากจะพูดถึงกระทรวงคมนาคม ควรอภิปรายถึงงบประมาณที่ไม่เหมาะสม กระจุกในภาคใดหรือไม่ จะเป็นประโยชน์ประชาชนมากกว่า ทั้งนี้การอภิปรายงบประมาณแตกต่างจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะกล่าวหาในขั้นตอนการทำงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่อว่าไม่สุจริต การขึ้นทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นไปตามกรมบัญชีกลางรวมถึงการกำหนดราคากลางและราคาอ้างอิง รวมถึงอีบิดดิ้งที่โปร่งใสตรวจสอบได้ และก่อนการลงนามสัญญาต้องถูกตรวจสอบจากสำนักงบประมาณ นอกจากนั้นมีกฎหมายเกี่ยวกับการประมูลงานกับรัฐควบคุมไว้ ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่หน่วยงานกระทรวงคมนาคมจะเอื้อให้ผู้รับเหมาที่ฮั้วประมูล
“ที่กล่าวหาว่ามีผู้รับเหมาชั้นพิเศษ จำนวน 80 ราย ทำให้เกิดการฮั้ว เป็นเสือนอนกิน และซ่อนเงินทอนต่างๆ ผมยืนยันว่าไม่จริง เพราะการจัดชั้นผู้รับเหมาพิเศษทำโดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ไม่ใช่กระทรวงคมนาคม ทั้งนี้ผมให้กรมทางหลวงตรวจสอบข้อมูลของบริษัทผู้รับเหมาชั้นพิเศษ ย้อนหลังพบว่าทั้ง 80 ราย มีรายได้รวมกันเกือบ 2 แสนล้านบาท แต่มีกำไรรวมกันเฉลี่ยปีละพันล้านบาท หรือ 0.5% ของรายได้ ซึ่งไม่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ และปี2565 พบว่าตัวเลขประกอบการขาดทุนด้วยซ้ำ จากข้อมูลที่อภิปรายที่ผู้รับเหมามีรายได้พันล้านบาท จะมีเงินทอนปีละ 8พันล้านบาท จ่ายให้กับผู้มีอำนาจได้” นายสุริยะ กล่าว
นายสุริยะ กล่าวชี้แจงถึงการเอื้อผู้รับเหมาชั้นพิเศษที่แบ่งเป็นตอนๆว่า ต้องพิจารณาเหตุและผล เช่น ความคุ้มค่า ความต่อเนื่องและศักยภาพความพร้อมของผู้รับเหมาที่ทำงาน ดังนั้นการยกตัวอย่างแบ่งสัญญารับเหมา ที่ 118 ที่กรมทางหลวงแบ่งงานเป็น 2 ตอน แทนที่จะแบ่งเป็น 3 ตอนถือว่าใช้จินตนาการเกินจริงเพราะจะมีค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มมากขึ้น ส่วนกรณีที่ระบุว่าคณะกรรมการราคากลางคัดค้านการเลื่อนชั้นผู้รับเหมา จาก 500 ล้านบาท เป็น 900 ล้านบาท ล่าสุดได้มีการจ้างศึกษาเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์แล้ว
“การประมูลราคากลางที่ต่ำมากๆ จะประหยัดงบประมาณ ไม่ได้มองผลเสียที่เกิดขึ้น ที่จริงแล้วโครงการที่มีราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางมากๆ หรือ ฟันราคา มีปัญหาเกิดขึ้นในระหว่างก่อสร้าง เนื่องจากราคากลางเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับต้นทุน อาจเกิดผลเสียต่อรัฐและประชาชนภายหลัง ซึ่งจากการตรวจสอบ โครงการก่อสร้างที่ อ.ปลวกแดงที่มีการฟันราคาต่ำกว่าราคากลาง 35% พบว่างานสร้างไม่เสร็จ และทิ้งงานทำให้กรมทางหลวงชนบทเข้ามาดูแลไปก่อน ผมฐานะกำกับดูแลกระทรวงคมนาคม จะทำให้การจัดซื้อจัดจ้างโปร่งใส” นายสุริยะชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่าการอภิปรายของนายสุริยะ มีการประท้วงตอบโต้กันไปมาระหว่างสส.พรรคเพื่อไทย และสส.พรรคประชาชน จนทำให้นายวิโรจน์ ลุกขึ้นมากล่าวตอบโต้นายสุริยะว่า “กาลเทศะของคนที่ชื่อวิโรจน์ ลักขณาอดิศร คือการปกป้องเงินภาษีของพี่น้องประชาชน ส่วนกาลเทศะของคนที่ชื่อสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะเอามาปกป้องผลกำไรตอบแทนของผู้รับเหมาชั้นพิเศษ ก็แล้วแต่คนชื่อสุริยะก็แล้วกัน”
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาจบลงในเวลา 23.05 น. นายพิเชษฐ์ สั่งพักการประชุม และนัดประชุมอีกครั้งในเวลา 09.00 น. วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 โดยภาพรวมการอภิปรายในวันที่ 2 ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 14 ชั่วโมง
สำหรับ ลำดับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 ในวันที่ 30 พฤษภาคม จะเป็นการพิจารณา 7 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา