เมื่อวันที่ 30 พ.ค.การประชุมวุฒิสภา า (สมัยวิสามัญ) เป็นกรณีพิเศษ ในช่วงบ่าย เพื่อพิจารณาวาระเรื่องด่วน ซึ่งเลื่อนญัตติ เรื่อง ขอให้ชะลอการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ(กมธ.) เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งให้ความเห็นชอบกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ปรากฏว่า การอภิปรายตั้งแต่ช่วงเช้าถึงช่วงบ่าย สว.ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุนให้ชะลอการตั้งกรรมาธิการฯออกไปก่อน ซึ่งล้วนเป็นสว.กลุ่มอิสระและสว.กลุ่มสีขาว มีเพียง พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.สีน้ำเงินที่อภิปรายโต้แย้งว่า ไม่ควรชะลอ สว.ที่ถูกเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือก กระบวนการที่ไต่สวนในคดีฮั้วสว. ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ พวกตนเป็นผู้ที่ถูกกระทำจากอำนาจที่ไม่ชอ ตนเป็น สว. ที่ได้รับการเลือกด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม ตามที่กกต.ประกาศรับรอง จึงไม่อาจที่จะชะลอการดำเนินการที่จะแต่งตั้งกมธ.ตามวาระได้ เพราะการตั้งกมธ.สอบประวัติ มีขั้นตอนดำเนินงานตามระเบียบข้อบังคับวุฒิสภาและไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือจากระเบียบได้ ตนมองว่ามีกรอบระยะกำหนดไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญ ไม่เช่นนั้นกรรมการสรรหาคงไม่ยึดกรอบในการทำงาน
จากนั้น ประธานวุฒิสภาได้ดำเนินการตามวาระต่อคือลงมติเพื่อชี้ขาด โดยมติของที่ประชุมวุฒิสภาปรากฎว่า ไม่เห็นด้วย 125 ต่อ 37 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง เป็นอันว่าต้องเดินหน้าพิจารณาเรื่องตามที่กำหนดไว้ในระเบียบวาระต่อไปคือการตั้งกมธ.ตามที่สว.เสียงข้างมากเห็นชอบ การอภิปรายของสว.กลุ่มอิสระและกลุ่มสีขาวไม่มีผลต่อการลงมติในครั้งนี้
พพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.เสียงข้างน้อย อภิปรายหลังจากลงคะแนนว่า การลงมติยังเป็นเหมือนเดิม จะอภิปรายอย่างไรเสียงข้างมากก็ลงมติตรงกันข้ามเหมือนการฉายหนังซ้ำๆซากๆจนหนังม้วนนี้ใกล้ขาดหมดแล้วเพราะเป็นฟิล์มเก่า ตนฝากไว้แต่เพียงว่า การเป็น สว.ต้องฟังเสียงประชาชน ไม่ใช่ฟังแต่เสียงใจตนเองว่าอยากทำอะไร เมื่อเสียงส่วนใหญ่ของสว.เป็นอย่างนี้ ก็ต้องรับผิดชอบต่อเสียงประชาชนที่ดังกึกก้องทั่วประเทศ ตนในฐานะที่เป็นสมาชิกอยู่ที่นี่เหมือนอยู่ในวัดเดียวกัน แต่มีคนกล่าวหาว่าพระร่วมวัดอาจต้องอาบัติปาราชิก จึงขออนุญาตประธานและสมาชิกว่า ไม่ขอร่วมสังฆกรรมในวาระต่อไป
เช่นเดียวกับ นางนันทนา นันทวโรภาส สว.เสียงข้างน้อย ก็วอกเอ้าออกจากห้องประชุมเช่นเดียวกัน จากนั้นที่ประชุมเดินหน้าตั้งกมธ.เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งจนครบ
