หุ้นไทยพักฐานปิดในแดนลบลดลง 0.96 จุด หรือ 0.09%

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.หุ้นไทยปิดตลาดช่วงเย็นอยู่ที่ 1,106.73 จุด ลดลง โดยดัชนี เคลื่อนไหวผันผวนทั้งวัน ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,117.64 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,104.72 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 42,071.16 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1.KTC ราคาปิด 25.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 3.77% มูลค่าซื้อขาย 4,939.38 ล้านบาท

2.DELTA ราคาปิด 99.00 บาท ลดลง 6.00 บาท หรือ 5.71% มูลค่าซื้อขาย 2,505.36 ล้านบาท

3.ADVANC ราคาปิด 282.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.08% มูลค่าซื้อขาย 2,109.91 ล้านบาท

4.KBANK ราคาปิด 155.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.65% มูลค่าซื้อขาย 1,613.19 ล้านบาท

5.SCB ราคาปิด 119.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.42% มูลค่าซื้อขาย 1,486.98 ล้านบาท

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทัรพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนตลอดทั้งวัน โดยเริ่มต้นด้วยการดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1,370 จุดในช่วงเช้า จากแรงหนุนของการรีบาวด์และการ Cover Short ทำให้หุ้นที่ปรับลงหนักอย่าง DELTA และ AOT กลับมาฟื้นตัวแรง

อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายตลาดพลิกกลับเป็นลบ เนื่องจากแรงกดดันจาก หุ้น DELTA ที่มีน้ำหนักเกิน 10% ของดัชนีและอาจถูกปรับลดน้ำหนักตามกฎ ประกอบกับการทำกำไรจากหุ้นที่ดีดตัวแรงในตอนเช้า แนวโน้มวันพรุ่งนี้ (27 มิ.ย.) คาดว่าตลาดจะเข้าสู่โทนการพักตัวและแกว่งตัวออกข้าง โดยหากประเด็นปรับน้ำหนัก DELTA ส่งผลจริงในช่วงปลายเดือน โมเมนตัมอาจได้รับผลกระทบเล็กน้อย สิ่งสำคัญคือดัชนีต้องไม่หลุดระดับแนวรับ 1,390 จุด และหากต้องการยืนได้แข็งแกร่งจริง จำเป็นต้องกลับไปยืนเหนือแนวต้าน 1,420 จุดให้ได้

    คำแนะนำการลงทุนคือ “รอให้ตลาดปรับตัวถอยลงมาหนึ่งขา แล้วค่อยตั้งรับ” เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังมีพื้นฐานไม่แย่และราคายังอยู่ในระดับน่าสนใจ นายวิจิตร แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) กลุ่มพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ GULF ที่ได้ประโยชน์จากการลดลงของ Bond Yield และการแข็งค่าของบาท รวมถึงกลุ่มการเงินอย่าง TIDLOR ที่คาดว่าจะเข้า SET50/SET100 และได้ประโยชน์จากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยในครึ่งปีหลัง

    Message us