“อนุทิน”ขนรมต.-สส.ภูมิใจไทยให้นโยบายเพิ่มประสิทธิภาพเฝ้าระวังน้ำท่วมพื้นที่ภาคกลาง

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ลงพื้นที่มอบนโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนสาธารณภัยในระดับพื้นที่ (จ.อ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท) ณ SKY CONVENTION HALL สุพรแกรนด์ โฮเต็ล อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง โดยมี น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมงานกว่า 1,000 คน

นายอนุทิน ในการมอบนโยบายว่า ปีนี้กลไกกระทรวงมหาดไทยทุกภาคส่วนให้ความสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์และการแจ้งเตือนภัยในระดับพื้นที่ ซึ่งจากการคาดการณ์สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่สถานีวัดน้ำ C2 เมืองนครสวรรค์ (เจ้าพระยา) คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำมาก ทำให้เขื่อนเจ้าพระยามีความจำเป็นที่จะต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้น อาจจะส่งผลให้บริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำในพื้นที่ จ.อ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท ได้รับผลกระทบเพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกปี

ทั้งนี้ จึงเป็นที่มาของการร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ทั้งการตั้งคณะทำงาน การสนับสนุนรถ Mobile War room ที่มีระบบประเมินสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศแบบ Real Time รวมถึงเว็บไซต์และ Application Thai Water สำหรับติดตามสถานการณ์น้ำที่ใช้งานได้สะดวก สามารถเข้าถึงได้ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วไป และในการบริหารสถานการณ์ ทุกภาคส่วนจะร่วมมือกันขับเคลื่อนเรื่องการป้องกันภัย การแจ้งเตือนภัย การรับมือสถานการณ์ และการเยียวยา เมื่อเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว

นายอนุทิน กล่าวว่า ผู้บริหารและสมาชิก อปท. ทุกท่าน มีหน้าที่ดูแลสารทุกข์สุขดิบของประชาชน ต้องมีข้อมูลเพื่อไปอธิบายเกี่ยวกับการเตรียมการต่างๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้ประชาชนอุ่นใจ และปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องแล้ว ยังให้ความร่วมมือกับทางราชการมากที่สุด

นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหาร อปท. ต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมการป้องกันความเสี่ยงต่อชีวิตพี่น้องประชาชนที่มาจากน้ำท่วม ต้องมีแผนการอุ้ม การอพยพเพื่อต้องรักษาชีวิตประชาชน เตรียมศูนย์พักพิงให้พร้อมรองรับผู้ประสบภัยทันที สามารถเป็นทั้งที่พักปลอดภัย มีอาหาร น้ำเพียงพอ ห้องน้ำถูกสุขลักษณะ

นายอนุทิน กล่าวว่า ได้ให้นโยบายแก่กระทรวงในกำกับทั้ง 4 กระทรวง คือ มหาดไทย แรงงาน ศึกษาฯ และ อว. ให้บูรณาการในการช่วยเหลือประชาชน เช่น ศึกษาฯ ที่มีสถานพร้อมรองรับการช่วยเหลือ มีนักเรียน นักศึกษาอาชีวะ ช่างกล ช่างไฟฟ้า ช่างซ่อมบ้านเข้าไปซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน ส่วนตนในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติได้ให้ผู้ว่ฯ ทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ซึ่งผู้ว่ามีอำนาจในการอนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณในสถานการณ์สาธารณภัยฉุกเฉินได้ทันที

“ในส่วนของ อปท. ผู้บริหารต้องกล้าที่จะใช้อำนาจเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน มหาดไทยยุคนี้ต้องกล้าใช้ดุลพินิจที่ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ทุกคนได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนเลือกตั้งเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นนายก อปท. หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกคนคือนกอินทรีย์ต้องมีสายตาที่กว้างไกล แหลมคม มีพลัง ทำงานที่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เร็วที่สุด ต้องไม่มีคำว่าวัดครึ่งกรรมการครึ่งเกิดขึ้นถ้าหากเกิดขึ้นในพื้นที่ใดก็มีความผิดตามกฎหมาย และขอฝากให้ผู้ว่าฯ รวมถึงผู้ตรวจราชการกระทรวง ประชุมทีมงาน มีหนังสือแจ้งแนวทางไปยังรองผู้ว่าฯ นายอำเภอ ต้องเขียนให้ผู้บริหาร อปท. เข้าใจวิธีทำงาน รวมถึงคำพูดหรือภาษาที่เข้าใจง่าย เพื่อที่ไปคุยกับประชาชนว่าจะทำอย่างไร ดูแลอย่างไร ช่วยเหลืออย่างไร” นายอนุทิน กล่าว

รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท มีงบประมาณป้องกันน้ำท่วมมากถึง 6,500 ล้านบาท ดังนั้น ต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่าจะแก้ไขน้ำท่วมอย่างไร ต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันให้สามารถใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการใช้งบประมาณ โดยแต่ละปีที่มีการจ่ายเงินเยียวยา แม้จ่ายรายครัวเรือนละ 100,000 บาทต่อครัวเรือน ยังไงมันก็ไม่เพียงพอกับความเสียหายจที่เกิด ดังนั้น ถ้าลงทุนในโครงการที่แก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน

Message us