เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย มอบหมายให้ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เป็นตัวแทนลงพื้นที่ให้กำลังใจมอบเครื่องแบบให้กับกำลังพลชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และอุปกรณ์สนามให้กับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน และเยี่ยมเยียนมอบถุงยังชีพให้กำลังใจพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ ณ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมี นายสมบัติ ไตรศักดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายสุริยา บุตรจินดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นางกัญญ์ฐณัฐฐา ไตรสรณกุล นางสาวกันตรัตน์ เริ่มสูงเนิน ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง คณะผู้บริหารกรมการปกครอง คณะผู้บริหารจังหวัดศรีสะเกษ และชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมลงพื้นที่
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทินมีความตั้งใจจะมาเยี่ยมเยียนพบปะให้กำลังใจ ชรบ. สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) และพี่น้องประชาชนชาวกันทรลักษ์ด้วยตนเอง แต่เนื่องจากติดภารกิจด่วนในการร่วมลงพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และประชุมการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการ 7 จังหวัดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้มอบหมายให้ตนเป็นตัวแทนลงพื้นที่พร้อมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย และกรมการปกครอง
“พวกเราชาวกันทรลักษ์อยู่ด้วยกันด้วยความสมัครสมานสามัคคี เผชิญกับสถานการณ์ทุกครั้งเมื่อเกิดความไม่สงบตามแนวชายแดน โดยเฉพาะในช่วงปี 2554 ตอนนั้นตนก็อยู่ก็อยู่ในพื้นที่ สำหรับครั้งนี้แม้ว่าสถานการณ์ยังอยู่ในความสงบ แต่เพื่อความปลอดภัยขอให้อย่าเพิ่งไปหาของป่า ขอให้อยู่ในพื้นที่ ฟังข่าวสารจากอำเภอ จากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หอกระจายข่าว ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของภาครัฐ และด้วยความห่วงใยของท่านอนุทิน ได้สั่งการให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอ ปลัดอำเภอ ได้นำกำลัง ชรบ.และ อส. ร่วมกันสำรวจหลุมหลบภัย และร่วมกับทุกภาคส่วนบูรณะซ่อมแซมให้พร้อมในการเผชิญกับสถานการณ์ เพราะเราคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนมาเป็นลำดับ 1 พี่น้องประชาชนทุกคนต้องปลอดภัย กระทรวงมหาดไทยไม่ทอดทิ้งพี่น้องประชาชน และเราจะอยู่เคียงข้างกัน” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
ด้าน จ่าเอกสมควร สิงห์คำ นายอำเภอกันทรลักษ์ กล่าวว่า อ.กันทรลักษ์เป็นอำเภอชายแดนขนาดใหญ่ มีพื้นที่ 1,360 ตารางกิโลเมตร ประชากรกว่า 200,000 คน 20 ตำบล 267 หมู่บ้าน 1 เทศบาลเมือง 2 เทศบาลตำบล 18 องค์การบริหารส่วนตำบล โดยเป็นอำเภอที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณช่องบก รวม 7 ตำบล 80 หมู่บ้าน ที่ประชาชนยังมีความตื่นตระหนก
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนและเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ทางอำเภอได้จัดทำแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังในพื้นที่ 7 ตำบล โดยแบ่งโซนสี ได้แก่ โซน 1 สีแดง คือ พื้นที่ระยะจากชายแดนไม่เกิน 10 กิโลเมตร พื้นที่นี้ถือเป็นพื้นที่อันตรายเสี่ยงภัยลำดับ 1 มีจำนวน 22 หมู่บ้าน มีการสร้างหลุมหลบภัยตั้งแต่ปี 2554 โซน 2 สีส้ม ระยะ 10-13 กิโลเมตรจากชายแดน ได้ประเมินว่าอยู่ในโซนน่าจะมีผลกระทบ โดยได้สร้างหลุมหลบภัยในระยะ 14 กิโล ตั้งแต่ปี 2554 และ อบจ.ศรีสะเกษ ได้สนับสนุนอุปกรณ์และประชาชนช่วยกันบริจาค กระสอบทรายร่วมหนุนเสริมความแข็งแรง และโซน 3 สีเหลือง จำนวน 25 หมู่บ้าน ไม่มีหลุมหลบภัย โดยอำเภอได้เตรียมการจุดรองรับผู้อพยพปลายทาง 24 แห่ง ไกลจากแนวชายแดน 32 กิโลเมตร บริเวณวิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ มีการซักซ้อมเจ้าหน้าที่และหน่วยที่เกี่ยวข้องรองรับผู้อพยพ ทั้งระบบสุขาภิบาล และด้านการประกอบอาหารเลี้ยงพร้อมมีการมอบหมายความรับผิดชอบอย่างชัดเจน
“ต้องขอขอบคุณท่านเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้ประสานงานการซ่อมแซมหอกระจายข่าว ทำให้สามารถใช้งานหอกระจายข่าวทุกแห่งในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ เพื่อให้กระบวนการสร้างการรับรู้สู่ชุมชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมทั่วถึงอย่างทันท่วงที” นายอำเภอกันทรลักษ์ กล่าว
จากนั้น น.ส.ไตรศุลี และคณะ ได้เดินทางต่อไปยังผามออีแดง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ ซึ่งในขณะนี้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ประกาศปิดการให้บริการแหล่งท่องเที่ยว และใช้เป็นพื้นที่ปฏิบัติการของกำลังทหาร โดย น.ส.ไตรศุลี ได้ร่วมกับคณะสื่อมวลชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ มอบเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม ให้กับเหล่าทหารหาญซึ่งเป็นแนวหน้าบริเวณชายแดน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับกำลังพล
