
จากสถานการณ์ภาวะหัวใจล้มเหลวในประเทศไทยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี และได้คร่ากว่าหลายล้านชีวิตทั่วโลก สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข Service Plan สาขาโรคหัวใจ และแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย ผนึกกำลัง เปิดตัว “โครงการความร่วมมือในการยกระดับมาตรฐานการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวแบบครบวงจร (Collaborative Excellence in Heart Failure Management)” โครงการนี้มุ่งจัดตั้งดัชนีชี้วัดการบริการและรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวอย่างเป็นระบบ พร้อมยกระดับมาตรฐานการรักษา และพัฒนาองค์ความรู้ของบุคลากร พร้อมเดินหน้าสร้างเครือข่ายการดูแลสุขภาพที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ เพื่อลดอัตราการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพยากร ตลอดจนผลักดันระบบสาธารณสุขไทยให้มั่นคงและยั่งยืน

พล.ต.ต. นพ.เกษม รัตนสุมาวงศ์ นายกสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า โรคหัวใจเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยทั่วโลกพบผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดมากกว่า 20.5 ล้านคนต่อปี ซึ่งร้อยละ 85 ของการเสียชีวิตเกิดจากอาการหัวใจล้มเหลวและโรคหลอดเลือดสมอง โดยมีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 50% ภายใน 5 ปีหลังได้รับการวินิจฉัย และจากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยชาวเอเชียที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวมักมีอายุเฉลี่ยน้อยกว่าผู้ป่วยชาวตะวันตกประมาณ 10 ปี สะท้อนให้เห็นว่าภาวะหัวใจล้มเหลวอาจเป็นภัยคุกคามที่มีความรุนแรงมากกว่าในประเทศแถบเอเชีย นอกจากอัตราการเสียชีวิตที่สูงแล้ว โรคหัวใจยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดภาวะทุพพลภาพทั่วโลก
ดังนั้นโรคหัวใจจึงเป็นหนึ่งในความท้าทายด้านสาธารณสุขที่ต้องการการสนธิกำลังจากทุกภาคส่วน ในการพัฒนาแนวทางที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ที่จะช่วยป้องกันและดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการวินิจฉัยที่รวดเร็ว แม่นยำ และการให้การบริบาลตั้งแต่ระยะเริ่มต้นที่จะช่วยควบคุมระดับความรุนแรงของโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ ในโอกาสนี้ทางสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยฯ รู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข Service Plan สาขาโรคหัวใจ และภาคเอกชนอย่างแอสตร้าเซเนก้า ประเทศไทย ในการดำเนินโครงการความร่วมมือในการยกระดับมาตรฐานการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวแบบครบวงจร (Collaborative Excellence in Heart Failure Management) โดยการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ การกำหนดดัชนีชี้วัดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับคนไข้ภาวะหัวใจล้มเหลว ตามแนวทางมาตรฐานการวินิจฉัยและการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายในการลดอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และอัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งจะนำร่องโดยการจัดการอบรมใน 4 เขตสุขภาพทั่วกรุงเทพฯ ได้แก่ เขตสุขภาพ 1, 6, 7, และ 11 ภายในปลายปี 2568 และมีแผนที่จะนำมาโครงการมาใช้ทั่วประเทศหลังจากนี้

นพ.สิทธิลักษณ์ วงษ์วันทนีย์ รองผู้อำนวยการกองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ เลขานุการ Service Plan สาขาโรคหัวใจกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า ในประเทศไทยพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยสะสมด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดมากกว่า 2.5 แสนราย และเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึง 4 หมื่นรายต่อปี เฉลี่ยชั่วโมงละ 5 คน[1] แม้สถานการณ์โรคหัวใจในปัจจุบันจะดูน่ากังวล แต่ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้เดินหน้าตามนโยบายสาธารณสุขในการเฝ้าระวังและป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาและเผยแพร่สื่อการเรียนการสอนเพื่อติดองค์ความรู้ให้กับประชาชน การวางนโยบายสาธารณสุขและการรักษาในโรงพยาบาลอย่างเป็นระบบ รวมไปถึงการเข้าถึงสายด่วนเจ็บป่วยฉุกเฉิน 1669 ที่พร้อมช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที
สถานการณ์โรคหัวใจนับเป็นวาระด้านสุขภาวะแห่งชาติที่จำเป็นต้องได้รับการจัดการอย่างเร่งด่วน เพราะไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและคนรอบข้าง แต่ยังส่งผลกระทบต่อประเทศในองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นต่อระบบสาธารณสุข ตลอดจนเศรษฐกิจของประเทศ ความร่วมมือของทั้งสามภาคีพันธมิตรในครั้งนี้จึงเป็นอีกก้าวสำคัญทางสาธารณสุขที่ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับมาตรฐานการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจอย่างยั่งยืน แต่ยังสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติในการเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบสาธารณสุขไทยให้มีความมั่นคง ยั่งยืน เข้าถึงประชาชนทุกคน

นายโรมัน รามอส ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย และ Frontier Markets กล่าวว่า แอสตร้าเซนเนก้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือในครั้งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของบริษัทที่ต้องการอยู่เคียงข้างคนไทยเพื่อเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดี โดยแอสตร้าเซนเนก้าจะทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรอย่างใกล้ชิดในการสนับสนุนทรัพยากร เพื่อเดินหน้ายกระดับขีดความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์ ผ่านการอบรมองค์ความรู้ในการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มขีดความสามารถให้กับภาคีเครือข่ายให้สอดคล้องกับแผนเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว ตลอดจนสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบสาธารณสุขในประเทศไทยเพิ่มความมั่นคงและยั่งยืน
ภายในงานยังมีการจัดเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ นำโดย ศาสตราธิคุณ พญ. สมนพร บุณยะรัตเวช สองเมือง อุปนายกสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, ศ.นพ. รุ่งโรจน์ กฤตยพงษ์ ประธานชมรมหัวใจล้มเหลวแห่งประเทศไทย, นพ. สิทธิลักษณ์ วงษ์วันทนีย์ รองผู้อำนวยการกองบริหารการสาธารณสุข สาธารณสุข เลขานุการ Service Plan สาขาโรคหัวใจกระทรวงสาธารณสุข และพญ. อรวรรณ อนุไพรวรรณ รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ สถาบันทรวงอก ภายใต้สังกัดกรมการแพทย์ ที่มาร่วมอภิปรายถึงความสำคัญและการพัฒนาระบบสุขภาพสำหรับคนไข้ภาวะหัวใจล้มเหลว รวมถึงทิศทางการดูแลคนไข้ภาวะหัวใจล้มเหลว ภายใต้หัวข้อ “Act on Heart Failure: Moving Forward with Holistic Heart Failure Management in Thailand, เรื่องหัวใจล้มเหลวดูแลได้ หากเข้าใจ ร่วมพัฒนาระบบสุขภาพไทยเพื่อผู้ป่วย” โดยเล่าถึงอาการที่พบได้ทั่วไปในผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว ความกังวลต่ออาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้และลุกลามจนก่อให้เกิดอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน รวมถึงกลุ่มเสี่ยงต่อโรคหัวใจล้มเหลว แนวทางการป้องกันโรคที่เริ่มต้นได้จากที่บ้าน
