
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) วาระพิเศษ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในคณะสงฆ์พัวพันธ์สีกากอล์ฟในขณะนี้ โดยภายหลังการประชุมนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)แถลงผว่า ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 โดยที่ประชุมได้มีการนำรายชื่อที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มอบให้ในการเข้าพบ สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ประธานสมัชชามหาคณิสสร เข้าหารือ
ทั้งนี้ มีจำนวน 11 รายชื่อ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ลาสิกขาไปแล้ว คือ อดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ อดีตพระครูปลัดสุรพล อิทธิเตโช อดีตเจ้าอาวาสวัดพรหมเกษร ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก อดีตพระเทพวชิรธีราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี อดีตพระเทพวชิรธีรคุณ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ กรุงเทพฯ อดีตพระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ วัดใหม่ยายแป้น กรุงเทพฯ และอดีตพระครูสิริวิริยธาดา วัดโสธรวราราม จ.ฉะเชิงเทรา

2.ยังไม่ยืนยันสถานะ ติดต่อไม่ได้ คือ พระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก พระปริยัติธาดา วัดกัลยาณมิตร ซึ่งทราบว่า ไม่ได้อยู่ที่วัดแล้วทั้งสองรูป แต่การจะยืนยันสถานะได้นั้น จะต้องมีหลักฐานเป็นรูปภาพ หรือหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร โดยมส.มีมติให้เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เรียกมาชี้แจงข้อเท็จจริง หากไม่มาจะถือว่ามีโทษ 3.กลุ่มที่ยังมีสถานะพระภิกษุ คือ พระเทพปวรเมธี วัดประยุรวงศาวาส และพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ซึ่งมส.มีมติให้ขอความร่วมมือ เจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ส่งข้อมูลให้เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และเจ้าคณะใหญ่หนกลาง โดยตรง และ 4.ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว คือ พระเทพพัชราภรณ์ วัดชูจิตธรรมาราม
“มส.มีมติมอบหมายเจ้าคณะใหญ่แต่ละหน เรียกตัวพระที่มีรายชื่อ มาชี้แจงขอเท็จจริง ต่อเจ้าคณะผู้ปกครอง หากไม่มาถือว่าละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ อาจจะถูกปลด ถอดถอนจากตำแหน่งได้ และอยากขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหลักฐานส่งให้เจ้าคณะใหญ่ด้วย จะได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยพระสงฆ์ที่ยังไม่ยืนยันสถานะ 5 รูปนั้น จะแจ้งให้มารายงานตัวโดยด่วน โดยหนังสือที่จะเรียกตัวพระสงฆ์นั้น เจ้าคณะใหญ่จะเป็นผู้ทำหนังสือแจ้ง จะมีกำหนดเวลาที่ชัดเจน หากไม่มาจะมีโทษ ทั้งพักหน้าที่ ถอดถอนจากตำแหน่ง เพราะถือว่าทำให้เกิดความเสียหาต่อคณะสงฆ์อย่างร้ายแรง” นายอินทพร กล่าว

ด้าน รศ.ดร.ชัชพล ไชยพร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการพระพุทธศาสนา รักษาราชการแทน ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ สมเด็จพระสังฆราช มีพระดำริให้ประชุม เพื่อหามาตรการแก้ไขโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งมีพระดำริ ว่า กฎหมายคณะสงฆ์บังคับใช้มากว่า 50 ปี แล้ว อาจจะจะล้าสมัย ไม่ทันกับสภาพปัจจุบัน จึงมีพระนโยบาย และมส.เห็นชอบให้เจ้าคณะผู้ปกครองทุกระดับ ตรวจตราพระสงฆ์ หากพบละเมิดพระวินัย ให้สอบสวนตามกฎมส.โดยเร่งด่วน หากพบว่ามีความผิดครุกาบัติ ซึ่งเป็นโทษหนัก (ปาราชิก หรือ สังฆาทิสเสส) หากมีมูลให้เจ้าคณะผู้ปกครองออกคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน และนำหลักฐานของการผิดพระธรรมวินัยถวายเจ้าคณะใหญ่พิจารณาได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยัน มส.ไม่มีนโยบายปกปิด ช่วยเหลือ แต่ต้องดำเนินการตามกฎหมายพระธรรมวินัย พร้อมทั้งยังมีมติเร่งปรับกลไกการทำงานให้ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้รัดกุม หากพศ.ยังบกพร่อง มส.ขอบิณฑบาตรัฐบาล วิเคราะห์ปัญหา และกำหนดแนวทางการปรับโครงสร้างให้สอดรับกับภารกิจในการคุ้มครองพระพุทธศาสนาด้วย
ขณะที่ แหล่งข่าวเผยว่า การประชุมนัดพิเศษวันนี้นอกจากพิจารณาแนวทางการดำเนินคดีกับพระภิกษุที่เกี่ยวข้องกับสีกาก๊อล์ฟแล้ว ที่ประชุมยังได้พูดถึงการแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันด้วย