ชวนช้อปสินค้า OTOP ในงานโอทอปศิลปาชีพ

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “OTOP ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP หลอมดวงใจ ด้วยพระบารมี” โดยมี คณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูตจากประเทศต่าง ๆ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม ผู้ว่าราชการจังหวัด อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย คณะที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน และประชาชนผู้เที่ยวชมงานกว่า 2,000 คน ร่วมพิธี ณ เวทีกลาง อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

โอกาสนี้ นายภูมิธรรม และคณะ ร่วมรับชมการแสดงชุด “ศิลปาชีพมรดกภูมิปัญญาเหนือกาลเวลานิรันดร์กาล” บอกเล่าเรื่องราวพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระผู้ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริในการสืบสานภูมิปัญญาผ้าไทยและหัตถกรรมไทยให้คงอยู่อย่างยั่งยืนถึงปัจจุบัน



นายภูมิธรรม กล่าวว่า งาน “OTOP ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP หลอมดวงใจ ด้วยพระบารมี” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด จากสองมือคนไทย… สู่หัวใจคนทั้งโลก (From Hand To Heart) เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยเสมอมา โดยทรงอุทิศทุ่มเทพระวรกายประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่ออนุรักษ์และสืบสานงานหัตถศิลป์ของไทยให้ดำรงเป็นความภาคภูมิใจของประเทศชาติและประชาชนชาวไทย โดยมี “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” เป็นมูลนิธิที่ทรงก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ราษฎรไทยในภูมิภาคต่าง ๆ ผลิตงานศิลปหัตถกรรมเป็นอาชีพเสริม ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่ชนบท และท้องถิ่นทุรกันดาร อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการอนุรักษ์และพัฒนาฝีมือและรังสรรค์ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านให้ดียิ่งขึ้นจนเป็นที่รู้จักในวงกว้างและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ

“เพื่อสนองพระราชปณิธานในการยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนแก่ประชาชนชาวไทย รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะดำเนินการโครงการต่าง ๆ เพื่อขจัดความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้นในทุกมิติ ด้วยการสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเสมอภาคกัน ซึ่ง OTOP เป็นโครงการที่เห็นผลความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในด้านการสร้างงานเพื่อขจัดความยากจน และสร้างรายได้ให้ประชาชนอย่างยั่งยืน สะท้อนผ่านตลอดระยะเวลาของโครงการที่ผ่านมา เราได้เห็นพี่น้องในชนบทตั้งใจสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นตนเองให้มีคุณภาพมาตรฐาน และมีคุณลักษณะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการขยายผลโครงการ OTOP ด้วยการสนับสนุนและยกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP ผ่านการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตและผู้ประกอบการ ตลอดจนเพิ่มช่องทางการตลาดให้มากยิ่งขึ้น สินค้า OTOP บางประเภทที่ผู้ซื้อให้ความสำคัญกับงานฝีมือแบบโบราณ เช่น ผ้าทอมือ เครื่องเงินหรือเครื่องทองโบราณ ซึ่ง OTOP ก็มีส่วนสำคัญในการอนุรักษ์งานศิลปะอันเกิดจากภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าให้คงอยู่สืบต่อไป และขณะเดียวกัน ยังมีผลิตภัณฑ์อีกหลายประเทศที่จำเป็นต้องมีการพัฒนารูปลักษณ์ สีสันหรือการออกแบบให้ทันสมัย เพื่อให้สินค้านั้นมีความร่วมสมัย ซึ่งโครงการ OTOP ก็มีส่วนสำคัญในการพัฒนาต่อยอดสินค้าเหล่านั้นให้สามารถตอบสนองความต้องการและรสนิยมของคนรุ่นใหม่” นายภูมิธรรม กล่าว



นายภูมิธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า OTOP เป็นโครงการที่นอกจากจะช่วยอนุรักษ์และสืบสานงานของคนในชุมชนและท้องถิ่นแล้ว ยังช่วยพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญงาน OTOP ถือเป็นตลาดที่รวบรวมผลิตภัณฑ์จากทั่วทุกภาคของประเทศไทยและชาวต่างชาติได้เลือกซื้อ อันจะเป็นการสร้างรายได้ สร้างรอยยิ้ม และสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้ผลิตงาน อีกทั้งยังเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้แสดงให้ทั่วโลกได้เห็นถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ของประเทศไทย เป็นการแสดงความตั้งใจในการสนับสนุนพลังสร้างสรรค์ (Soft Power) ของประเทศไทย เพื่อให้ความรู้ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย สามารถสร้างมูลค่าและสร้างรายได้ให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งต้องขอขอบคุณกระทรวงมหาดไทย กรมการพัฒนาชุมชน คณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ที่ได้ระดมทุกสรรพกำำลังเพื่อขับเคลื่อนโครงการ OTOP รวมถึงการจัดงานในครั้งนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเหล่าผู้ผลิตและผู้ประกอบการ OTOP ตลอดมา

“ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมงาน “OTOP ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP หลอมดวงใจด้วยพระบารมี” ระหว่างวันที่ 9-17 ส.ค. 68 ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ณ ชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพื่อร่วมกันสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่นไทย และเป็นกำลังใจให้กับผู้ผลิตและผู้ประกอบการ OTOP และการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของดีของไทยอันเป็นการกระจายเม็ดเงินเข้าไปสู่ชุมชนและท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทยอย่างยั่งยืน” นายภูมิธรรม กล่าว



ด้านนางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดนโยบายลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการพัฒนาชุมชน ขับเคลื่อนผ่านโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการกระจายรายได้สู่ชุมชน พร้อมผลักดัน Soft Power เพื่ออนุรักษ์ พื้นฟู และต่อยอดศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เกิดมูลค่าเพิ่มและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล จึงเป็นที่มาของการจัดงาน “OTOP ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP หลอมดวงใจด้วยพระบารมี” ระหว่างวันที่ 9-17 ส.ค. 68 รวม 9 วัน ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี

“ภายในงานมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ 1) โซนเฉลิมพระเกียรติ ถ่ายทอดพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 2) โซน OTOP คัดสรรและชวนชิม ผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับ 3-5 ดาวกว่า 2,000 ราย พร้อมอาหารและเครื่องดื่มขึ้นชื่อกว่า 160 ร้านค้าจากประเทศ 3) โซน OTOP ออนไลน์ – Modern Trade และ OTOP Trader แสดงผลงานและพัฒนาช่องทางการตลาดออนไลน์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ 4) โซนศูนย์ศิลปาชีพและศิลปิน OTOP ผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และผลงานศิลปินผู้สืบสานภูมิปัญญาไทย 5) โซนผ้าไทยใส่ให้สนุก ผ้าและเสื้อผ้าดีไซน์ร่วมสมัยจากทุกภูมิภาครวมถึงผลิตภัณฑ์จากเส้นไหม และเส้นใยธรรมชาติ 6) เวทีกิจกรรมและการแสดง การแสดงศิลปวัฒนธรรม กิจกรรมส่งเสริมการขาย และการแสดงจากศิลปินดารา ตลอดรายการ และที่สำคัญเป็นพิเศษ คือ โซนเครือข่าย OTOP ของผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ทุกครั้ง เราจะเปิดพื้นที่ให้ผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่าง ๆได้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นในการกระจายสินค้าและสร้างรายได้ โดยมียอดจำหน่ายในช่วง 2 วันที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 147 ล้านบาทเศษ จากเป้าที่กำหนดไว้ที่ 600 ล้านบาท สะท้อนถึงพลังการตลาดที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น