
เมื่อวันที่ 12 กันยายน นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร แถลงผลการปราบปรามการลักลอบนำเข้า-ส่งออกสินค้า ปีงบประมาณ 2568 ตามนโยบายรัฐบาล โดยสามารถตรวจยึดสินค้าได้มูลค่ากว่า 2,709 ล้านบาท อาทิ ยาเสพติด บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์-น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า สินค้าที่ไม่มีใบอนุญาต และสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
ส่วนกรณีการส่งออกทองคำไปยังกัมพูชาที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีมูลค่าสูงผิดปกติ อธิบดีกรมศุลกากรยอมรับว่า ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา มีการส่งออกทองคำประมาณ 70,000 ล้านบาท แต่เป็นการส่งออกที่สำแดงถูกต้องต่อเนื่องมาหลายปี ไทยจึงถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำและอัญมณี โดยทองคำส่วนใหญ่นำเข้าจากสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม หากจะเข้าข่ายการฟอกเงินหรือเกี่ยวโยงธุรกิจสีเทา ต้องรอการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพิ่มเติม

กรมศุลกากรยังเดินหน้าคุมเข้มการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายควบคู่กับการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากร ลดขั้นตอน และใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงตอบสนองข้อเรียกร้องจากสหรัฐที่ผลักดันให้ไทยเข้มงวดเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้า ป้องกันสินค้าจีนสวมสิทธิ์เป็นสินค้าจากไทย ซึ่งไทยดำเนินการคุมเข้มมาโดยตลอด
ด้านรายได้ นายธีรัชย์ เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากรในปีงบประมาณ 2568 (ณ วันที่ 31 ส.ค.) อยู่ที่ 541,894 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากภาษีศุลกากร 104,645 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 7,955 ล้านบาท (ร้อยละ 7.07) และลดลงจากปีก่อน 4,366 ล้านบาท (ร้อยละ 4) สาเหตุหลักมาจากการหดตัวของตลาดรถยนต์หรู และการใช้สิทธิพิเศษทางการค้า (FTA) ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าภายในสิ้นปีงบประมาณ จะจัดเก็บรายได้ศุลกากรได้ประมาณ 114,000 ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2569 ได้ตั้งเป้าหมายจัดเก็บไว้ที่ 113,500 ล้านบาท พร้อมยืนยันเดินหน้ามาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ และอุดรอยรั่วไหลภาษีอากรอย่างเข้มงวด