
เมื่อวันที่ 15 กันยายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยว่าที่รัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รมว.คลัง นางศุภจี สุธรรมพันธ์ ว่าที่รมว.พาณิชย์ นายสุชาติ ชมกลิ่น ว่าที่รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธนกร วังบุญคงชนะ ว่าที่รมว.อุตสาหกรรม นายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่ รมช.คลัง พร้อมคณะฯ มีเดินทางมายังสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เพื่อประชุมหารือกับ ส.อ.ท. หาแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย โดยมี นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธาน ส.อ.ท. และผู้บริหาร ส.อ.ท. ร่วมหารือประเด็นนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย และข้อเสนอแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมและมาตรการช่วยเหลือ จาก ส.อ.ท. ท่ามกลางความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมไทยและนโยบายการขับเคลื่อนของ ส.อ.ท.
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการหารือประธานสภาอุตสาหกรรมได้มอบดอกไม้แสดงความยินดีกับ นายอนุทิน ที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และอวยพรวันคล้ายวันเกิดย้อนหลัง 13 กันยายน 2568 พร้อมขอบคุณที่เดินทางมารับฟังปัญหาโดยเฉพาะการยกดรีมทีมเศรษฐกิจมาในวันนี้
นายอนุทิน กล่าวว่า การหารือในวันนี้เหมือนได้พูดคุยกับคนกันเอง ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายการนำรายชื่อรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม เพื่อโปรดเกล้าฯ ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาจึงได้มีการประสานกับสภาอุตสาหกรรมฯ เพราะรัฐบาลกับผู้นำทางเศรษฐกิจของประเทศต้องไปคู่กัน แยกกันไม่ได้ เราต้องเอาภาคเศรษฐกิจในการขับเคลื่อนประเทศไทย เพื่อทำให้เกิดความมั่นคงแข็งแกร่งในมิติอื่นๆ เช่น คุณภาพชีวิตที่ดี

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมารับฟังข้อกังวลและข้อเสนอแนะจากสภาอุตสาหกรรมฯ ซึ่งสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมร่างแถลงนโยบายของรัฐบาล แม้ยังไม่ได้ทำงานอย่างเต็มตัวแต่หลังไมค์พยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ สไตล์ของพวกเราทุกคนคงทราบว่า เราทำงานเร็ว ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ท่านทั้งหลายคาดหวังเอาไว้
นายอนุทิน กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลที่กำลังเกิดขึ้นมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้น และการวางรากฐานเพื่อการต่อยอดความมั่นคงระยะยาว และขยายความร่วมมือ ดังนั้นขณะนี้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต้องให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาผู้ประกอบการ ซึ่งไทย-กัมพูชายังมีการค้าขายกันอยู่ แต่ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจนถึงทุกวันนี้ และด้วยเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ และการรักษาอธิปไตย ก็ต้องเรียนว่า การเปิดด่านยังไม่เกิดขึ้นในระยะสั้นนี้ เพราะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เราเป็นผู้กำหนด เพราะเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่เราจะใช้ทุกวิธี ทั้งการทหาร การทูต และหารือกับกัมพูชา ซึ่งจะใช้ทุกองคพยพแก้ปัญหาความขัดแย้งของประเทศโดยเร็วที่สุด
นายอนุทิน ยืนยันจะขับเคลื่อนช่วยเหลือผู้ประกอบการที่อยู่ในโครงการไทยแลนด์พลัสวัน และพร้อมสนับสนุนเจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกัน คู่แข่งทางการค้าในกลุ่มประเทศ CLMV ก็ต้องให้ความสำคัญ และต้องหารือกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนด้วย เพื่อส่งเสริมการลงทุนด้วย รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแต่ทำเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า การเป็นหนึ่งเดียวของรัฐบาลสามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ ที่ผ่านมาตนอยู่มาในรัฐบาล 6 ปีกว่ามองเห็นปัญหาเยอะแย สำคัญสุด คือการระแวงซึ่งกันและกัน จึงขอให้ความมั่นใจว่า จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้

“ผมถือคติ คนละพรรคแต่พวกเดียวกันสำคัญกว่าพรรคเดียวกัน คนละพวก”นายอนุทิน กล่าว
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า จะใช้โอกาสนี้ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้า เพราะตนอยู่ภาคเอกชนมาก่อน และเชื่อว่า ถ้าเศรษฐกิจดีเรื่องอื่นๆ ก็จะดีตามมา หรือมีเกียรติมีศักดิ์ศรีด้วยก็ได้ จะทำให้ทุกคนตั้งใจทำมาหากิน ไม่สร้างความขัดแย้ง ทำสังคมให้เป็นสุข และให้ความมั่นใจอีกว่า สไตล์การทำงานจะยึดส่วนรวมเป็นหลัก ดังนั้นขอให้ความมั่นใจว่า จะใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่จะผลักดันนโยบายต่างๆ ให้ความคาดหวังของทุกคนเกิดความสำเร็จ