
เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้ชี้แจงคำอภิปรายของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.พรรคเพื่อไทยที่อภิปรายในการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า ในฐานะที่ตนก็ให้เกียรติเสมอมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและได้ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตนเคยร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย ในคำถามแรกที่มีอยู่ว่าในรัฐบาลของตนจะทำได้หรือไม่ ทำเป็นหรือไม่ และทำดีหรือไม่ อยากบอกว่า “ทำได้ครับ” สิ่งที่ถูกเขียนอยู่ในคำแถลงนโยบายของตนนั้น เป็นสิ่งที่ได้ผ่านการกลั่นกรองมาแล้วว่าพวกเราทุกคนต้องทำได้ เพราะวิธีการทำงานของตนนั้น เราจะใช้คำว่าทำได้เร็วและทำเลย ดังนั้นขอชี้แจงให้ สส.และประชาชนได้มั่นใจ
สำหรับ คำว่าทำเป็นหรือไม่นั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ทำเป็นเพราะในคณะรัฐมนตรีที่ตนคัดสรรมาล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในวิชาชีพทุกด้านที่มีอยู่ แม้กระทั่งผู้ที่ไม่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาก่อน ตนได้ทำการตรวจสอบประวัติการทำงาน ประวัติการศึกษา พฤติกรรม ซึ่งสามารถยืนยันได้ว่าทุกคนมีคุณสมบัติครบถ้วนในการจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทยที่รักของเรา และประชาชนผู้ที่ตนคำนึงถึงอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อตนเองและรัฐบาลนี้
ส่วนจะทำดีหรือไม่ ตนขอยืนยันว่าคนเรา ถ้ามาถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ใช้เวลาเป็น 10 ปีก็ต้องถือโอกาสนี้ทำดีที่สุดให้เป็นเกียรติประวัติของประเทศและประชาชนที่บุคคลซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ ดังนั้นใน 4 ประเด็นที่บอกไว้รวมถึงปีเด็นที่บอกว่าจะเสียโอกาส ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่รัฐบาลจะได้แสดงผลงาน เพราะรัฐบาลนี้ ตนได้ทำความเข้าใจกับรัฐมนตรีทุกคนแล้วว่า ไม่มีคำว่าคนละพรรค นี่คือพรรครัฐบาล ไม่มีขัดแข้งขัดขา ไม่มีความกังวลใด ๆ ที่จะเห็นว่าพรรคนั้นทำอะไรแล้วจะได้ความนิยมชมชอบจากพี่น้องประชาชนมากกว่า
นายอนุทิน ขี้แจงว่า ตนอาจจะโชคดีที่ถูกสอนมาให้เป็นคนใจกว้าง อะไรที่เป็นวงศ์วานว่านเครือ เป็นเครือข่ายการทำงานที่ตนเกี่ยวข้องด้วยแล้วใครทำแล้วประสบความสำเร็จและเป็นประโยชน์ ตนมักจะอนุโมทนาสาธุและชื่นชมและสนับสนุนให้ทุกคนที่ทำงานร่วมกันกับตนได้ประสบความสำเร็จสูงสุด แม้จะมีหลายคนพูดว่ารัฐบาลนี้ขาดคนมีฝีมือก็ต้องยืนยันว่าตนให้ความเชื่อมั่น ว่าทุกคนที่อยู่ในรัฐบาลนี้ตนคัดเลือกเอง และสิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากเรื่องของคุณงามความดีที่แต่ละคนได้มีความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชนและผลงานความรู้ประสบการณ์รัฐบาลสี่เดือนของตัวนี้เต็มไปด้วยบุคคลที่มีฝีมือ มีความรู้ความสามารถ และประสบความสำเร็จในในชีวิต
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความกังวลเรื่องความโปร่งใส ขอให้นพ.ชลน่าน สบายใจ ตอนรับฟังทุกคำและจดในความกังวลและยินดีที่จะมาชี้แจง ความโปร่งใสนั้นเกิดจากการที่จะต้องให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการถูกต้องตามกฏหมายถูกต้องตามระเบียบ และที่สำคัญต้องใจกล้าให้ทุกคนมาตรวจสอบได้ขอยืนยันว่ารัฐบาลของตนจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
ส่วนข้อกังวลสุดท้ายดูแล้วขาดอนาคตประชาธิปไตย ประชาธิปไตยคือการเคารพเสียงส่วนใหญ่ไม่เอาแต่ใจ เอามาเป็นข้อตัดสินมีความเป็นตัวของตัวเอง ตนกลับมองเห็นต่างกับทางนายชลน่าน ตนมองว่าจากนี้ไปรัฐบาลนี้จะวางรากฐานวางแนวทางแบบอย่างที่ดีในการเป็นรัฐบาลที่จะทำให้อนาคตของประชาธิปไตยมีความสดใส อย่างน้อยนายกรัฐมนตรีคนนี้จะไม่มีใครมาบงการได้ และตัดสินใจเอง คิดเอง หารือกับคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ในการตัดสินใจทำประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติและประชาชน
นายอนุทิน กล่าวว่า การกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ ก็พูดไม่ผิด เวลา 4 เดือนก่อนยุบสภา วันนี้ขอนับวันที่ 1 ตุลาคม เป็นวันแรก จากนั้นนับไป 4 เดือนก็คือวันที่ 31 มกราคม ยุบสภาแน่นอน ถือเป็นพันธะระหว่างพรรคที่ลงนามใน MOA กับทางพรรคประชาชน ความมุ่งหมายของเราเป็นอย่างไร ตนเห็นพ้องกับทางภาคประชาชน เมื่อถึงเวลาอันสมควรต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน แต่มีติ่งท้ายเล็กน้อยว่าสิ่งที่ตนจะกระทำและทำให้สำเร็จคือการเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจที่ต้องเข้ามาแก้ไขความเสียหายของประเทศที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่แล้วมา ตนยอมรับในสภาพนี้และคณะรัฐมนตรีของตนอีก 35 คน จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเรียกความเสียหาย ความสูญเสีย ในเรื่องเกียรติภูมิของประเทศ เศรษฐกิจ ขวัญกำลังใจ และความปลอดภัยของประชาชนกลับมาสู่ประเทศไทย และคนไทย ให้ได้ ในระยะเวลาที่ตนทำงานอยู่ 4 เดือน มั่นใจว่าทำได้เพราะได้เตรียมการเรื่องนี้มาพอสมควรแล้ว ขออย่าเปรียบเทียบ บางทีเมื่อตนเองทำไม่ได้แล้วไปเปรียบกับคนอื่นว่าจะทำไม่ได้เหมือนกัน มันก็ไม่ถูกนัก
ขณะที่การพูดถึงเรื่องผลประโยชน์ส่วนใหญ่ในนโยบายของรัฐบาลนี้ไม่ตรงความต้องการของประชาชน ตนมองต่าง เพราะรัฐบาลนี้ยกเลิกคาสิโน ยกเลิกเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ไม่เอาเงินดิจิทัล 10,000 บาทไปให้ประชาชนเฉย ๆ แต่เราใช้วิธีการแบบมีส่วนร่วม ไม่มอมเมาประชาชนด้วยการพนัน ไม่ขยายตัวทางเศรษฐกิจด้วยธุรกิจการพนัน ตนมั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นตรงกับรัฐบาลชุดนี้ นี่คือเหตุผลที่ที่พรรคของตน ถูกเชิญออกจากรัฐบาล เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพราะพรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลในขณะนั้น
นายอนุทิน ยังชื่นชมกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ถือเป็นนโยบายที่มีคุณประโยชน์กับคนไทยมหาศาลตราบจนถึงปัจจุบัน แต่โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่เป็นผลงานของตนทำมาตั้งแต่สมัยอยู่กระทรวงสาธารณสุข 4 ปี ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในการทำงานของรัฐมนตรีหลาย 10 คนที่ผ่านมา เรื่องเหล่านี้ได้ใช้เวลาทั้ง 4 ปี ประสานงานกับหลายหน่วยงาน รวมถึงให้มีโครงการฟอกไตฟรี ซึ่งตนจะนำกลับมาในรัฐบาลของตนอีกครั้ง ซึ่งนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะต้องทำให้เห็นภายใน 2 เดือนหรือสั้นกว่านั้น ไม่เช่นนั้นตนจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเอง
นายอนุทินย้ำว่า ตนเคยอยู่ในรัฐบาลเดียวกับ นพ.ชลน่าน พยายามทำงานสนองนโยบายยกเว้นเรื่องที่ต้องไปแตะกับความมั่นคงของประเทศ รวมถึงความเสียหายของประเทศ และคุณภาพของประชาชน ตนจึงต้องตัดสินใจที่จะไม่ร่วมนโยบายนี้ และถือว่าเป็นเกียรติที่ถูกเชิญออกมานโยบายและการกระทำของรัฐบาลชุดนี้ และรัฐมนตรีทุกคนที่ทำงานอย่างหนักจะผลักดันทุกนโยบายให้เป็นทางออกของประเทศ
นายอนุทิน ยังย้อนคำพูดเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ตนได้อยู่ในคณะรัฐบาลซึ่งมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น ซึ่งหลายคนยอมรับ ทำความเจริญมากมายให้กับประเทศ ซึ่งการประชุมคณะรัฐมนตรีมีแต่การพูดถึงปัญหาให้คณะรัฐมนตรีฟังซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำ ขณะนั้นตนดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายทักษิณ มักไม่พอใจที่ คณะรัฐมนตรีมักนำเอาปัญหามาเป็นข้อแก้ตัว ตนจึงไม่นำมาเป็นข้อแก้ตัวในการทำงาน เมื่อเป็นเช่นนั้น นายทักษิณ จะพูดว่า “ loser see problem in every solution” ซึ่งแปลว่าผู้แพ้จะเห็นปัญหาในทุกทางออก และ ”winner see solution in every problem” ซึ่งแปลว่าผู้ชนะจะเห็นทางออกในทุกปัญหา ตนและคณะรัฐมนตรีทั้ง 36 คนเป็นอย่างหลัง ถือเป็นเจตนารมย์อันแน่วแน่ ของรัฐบาลชุดนี้