เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม มูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถานนครราชสีมา ภายใต้การนำของ นายกิตติศาสตร์ ลิ้มประยูรสวัสดิ์ ประธานมูลนิธิและหัวหน้าหน่วยกู้ภัยสว่างเขต 6 ได้ระดมทีมกู้ภัยและอาสาสมัครลงพื้นที่ชายแดนอีสานใต้ เพื่อปฏิบัติภารกิจด้านมนุษยธรรมท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบที่ยืดเยื้อ
ภารกิจหลักคือการ ช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่เข้าถึงยาก โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงตามบ้านเรือนและผู้ป่วยที่ต้องเคลื่อนย้ายจากโรงพยาบาลในเขตเสี่ยง เพื่อส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่ปลอดภัยขึ้น ทุกภารกิจต้องทำด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เพราะพื้นที่แนวชายแดนยังมีเสียงปะทะดังเป็นระยะ
ล่าสุด ทีมกู้ภัยได้รับการประสานงานด่วนจากกองอำนวยการกู้ภัยสว่างฯ ให้เข้ารับตัว ชายสูงอายุผู้ป่วยติดเตียง พร้อมญาติอีกสองราย ได้แก่หญิงสูงอายุและเด็กชายหนึ่งคน จากอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อนำส่งโรงพยาบาลกระสังข์ ระยะทางไกลกว่า 140 กิโลเมตร
การเดินทางเต็มไปด้วยความลุ้นระทึก เนื่องจากพื้นที่รอบอำเภอบ้านกรวดยังมีความตึงเครียดจากสถานการณ์ปะทะ ทีมกู้ภัยจึงต้อง สแตนด์บายกำลังและรถพยาบาล ไว้ตลอดเส้นทางเพื่อรับผู้บาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
ก่อนหน้านี้ได้มีคำสั่งให้หน่วยกู้ภัยสว่างเขต 6 ทุกนายจัดเตรียมกำลังพล อุปกรณ์ และรถพยาบาล เพื่อสนธิกำลังกับหน่วยราชการในพื้นที่ พร้อมตั้ง “กองอำนวยการสว่างเขต 6” สำหรับประสานงานอพยพประชาชนใน 4 จังหวัดแนวชายแดน ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาว่ายังมีความไม่แน่นอน และอาจขยายวงการปะทะ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอพยพไปยังศูนย์พักพิงตามแผนฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ท่ามกลางความไม่แน่นอน สมาคมพุทธมามกสงเคราะห์การกุศลแห่งประเทศไทย (เม่งเลี้ยง) ได้แจ้งเตรียมพร้อมด้านกำลังพลและหน่วยสนับสนุน เพื่อช่วยภารกิจอพยพผู้ป่วยเปราะบาง ผู้ป่วยตามโรงพยาบาล รวมถึงประชาชนทั่วไป หากมีการร้องขอเร่งด่วน
ทุกหน่วยงานจับมือกัน ตั้งกองอำนวยการในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึงที่สุด ในยามที่ชายแดนยังไม่สงบ … หัวใจของอาสากู้ภัยคือกำลังสำคัญ ที่ทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่ถูกทิ้งไว้ตามลำพัง
ข่าว/ภาพ : ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครราชสีมา
