มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับ บริษัท นารีฟาร์มากรุ๊ป จำกัด ผู้คิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรไทย ร่วมกันขับเคลื่อน Thailand Medical Hub ผลักดันสมุนไพรไทย กัญชาทางการแพทย์ สู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพระดับโลก พร้อมแถลงข่าวความสำเร็จของผลงานวิจัย การทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านมะเร็งในหลอดทดลองของสมุนไพรไทยสูตรผสม โดยงานวิจัยมีชื่อว่า “In vitro antioxidant, anti-inflammatory, and anticancer activities of mixture Thai medicinal plants” ตีพิมพ์ในวารสาร BMC Complementary Medicine and Therapies ซึ่งเป็นวารสารวิชาการระดับนานาชาติ (Quartile Score, Q1) พร้อมเปิดรับอาสาสมัครในการศึกษาผู้ที่มีภาวะลองโควิดด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เคลียร์-บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา โดยได้รับเกียรติจาก ดร.อรรถวิท อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เป็นประธานเปิดงาน ณ ห้องสุริยเทพ ศาลาดนตรีสุริยเทพ มหาวิทยาลัยรังสิต

สำหรับ 3 หัวข้อสำคัญในการประชุมสัมมนาเชิงวิชาการครั้งนี้ คือ การทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบและต้านมะเร็งในหลอดทดลองของสมุนไพรไทยสูตรผสม (In vitro antioxidant, anti-inflammatory, and anticancer activities of mixture Thai medicinal plants) โดย อ.ดร.เภสัชกรหญิงนลินี ประดับญาติ อาจารย์ประจำหมวดวิชาเภสัชวิทยา และ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต การเปิดรับอาสาสมัครในโครงการวิจัย “การศึกษาแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเคลียร์-บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา ในผู้ที่มีภาวะลองโควิด” โดย อ. ดร. เภสัชกรหญิงธิติยา ลักคุณะประสิทธิ์ อาจารย์ประจำหมวดวิชาบริหารเภสัชกิจวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และการเสวนาพิเศษเรื่อง “สมุนไพรไทยในยุคโควิด19 ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ Thailand Medical Hub” โดยคุณพิมส์นารี นรรพสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทนารีฟาร์มากรุ๊ป จำกัด, อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต และนายแพทย์ ฉัตรเพชร เพิ่มสมบัติ คลินิก MW Wellness

“งานแถลงข่าวและจัดสัมมนาครั้งนี้เป็นการบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพของสมุนไพรไทย ผลิตผลธรรมชาติที่มีในประเทศ สามารถช่วยทดแทนการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพจากต่างประเทศ ซึ่งมหาวิทยาลัยรังสิต ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของสมุนไพรมาอย่างยาวนาน ส่งเสริมนักวิจัย ให้มีการวิจัยสมุนไพรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีข้อมูลที่หลากหลาย ชัดเจน รวมถึงความปลอดภัยในการใช้สมุนไพร ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการใช้สมุนไพรมากขึ้น อีกทั้งมหาวิทยาลัยรังสิตมีความพร้อมหลายๆ ด้าน หนึ่งในความพร้อมนั้น คือ “สถาบันวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์” จึงเป็นที่มาของความร่วมมือต่อยอดวิจัยด้านสมุนไพรไทยสู่การพัฒนาเศรษฐกิจชาติ” นางสาวพิมส์นารี นรรพสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท นารีฟาร์มากรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยรังสิต และ บริษัท นารีฟาร์มากรุ๊ป จำกัด ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพสมุนไพรไทย ตั้งแต่กลางปี 2565 ที่ผ่านมากระทั่งได้รับการการันตีผลการวิจัยเผยแพร่ลงวารสารวิชาการ ระดับนานาชาติ (Quartile Score, Q1) ซึ่งเป็นวารสารวิชาการ ติดลำดับ top 10 ใน สาขา Complementary and Alternative Medicine ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก โดยผลการวิจัยสมุนไพรไทยสูตรผสม ที่มีส่วนผสมสมุนไพร 5 ชนิด ข่า มะนาว ใบย่านาง พริกไทย และ ใบกัญชา ผลงานที่วารสารได้รับการ ตีพิมพ์ชื่อ BMC Complementary Medicine and Therapiesในวารสารประจำปี 2023”
สำหรับผลการทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบในหลอดทดลองของสมุนไพรไทยสูตรผสม ทีมวิจัยต่อยอดศึกษาในผู้ที่มีภาวะลองโควิด ภายหลังจากการติดเชื้อไวรัสโควิด19 โดยเปิดรับอาสาสมัครในการศึกษาผู้ที่มีภาวะลองโควิด ด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเคลียร์–บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา เป็นจำนวน 66 คน โดยผู้ที่เป็นอาสาสมัครจะได้รับการชี้แจงรายละเอียดข้อมูลของโครงการวิจัย ลงนามแสดงความยินยอมเข้าร่วมโดยความสมัครใจ และได้รับ การติดตามเป็นระยะเวลา 14 วัน
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เคลียร์–บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา ปกติจะมีจำหน่ายอยู่ที่ วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมเปิดรับผู้แทนจำหน่ายในสถานประกอบการ โรงพยาบาล, คลินิกรักษาโรค, ร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศแล้วเพื่ออำนวยสะดวกแก่ผู้บริโภค
สำหรับผู้สนใจเป็นอาสาสมัครในการศึกษาผู้ที่มีภาวะลองโควิด ด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเคลียร์–บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา สามารถติดต่อได้ที่ วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ หรือ Facebook : วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ ม.รังสิต, Facebook : Clears belong plus หรือ Line ID : @nareepharma