ปลัดมหาดไทยจับมือผบ.ตร.ลั่นประกาศสงครามกับยาเสพติดทุกรูปแบบเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานร่วมการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมี นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผบ.ตร. น.ส.ปาณี นาคะนาท ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นพ.ศักดา อัลภาชน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมสร้างความเศร้าเสียใจไปทั่วประเทศและทั่วโลก ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกระทบจากปัญหายาเสพติด จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่ต้องช่วยกันนำเหตุการณ์ที่เศร้าสลดสะเทือนขวัญในครั้งนี้ มาร่วมกันพูดคุยกำหนดมาตรการเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหา ทั้งในเชิงป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษา เพื่อจะให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่ปล่อยให้สิ่งที่ไม่ดีมาทำให้เกิดความสูญเสียและเกิดความไม่เป็นปกติสุข

ทั้งนี้ จากการดำเนินการสำรวจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยแพลตฟอร์ม ThaiQM ของกรมการปกครอง ซึ่งจากฐานข้อมูลพบว่า มีพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหายาเสพติดตัวเลขสูงถึง 279,094 ครัวเรือน ใน 31,744 หมู่บ้าน ซึ่งถ้าเราเอาจำนวนสมาชิกในครอบครัวมาคูณจะทำให้พี่ตัวเลขประชาชนที่ได้รับผลกระทบถึงเป็นหลักล้านคน ดังนั้น เราทุกคนจึงต้องดำเนินการกับปัญหายาเสพติดเชิงรุก ด้วยการเข้าไป Approach ปัญหา

“กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ขีดเส้นตายว่า ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2565 เราจะมีข้อมูลผู้เสพผู้ค้ายาเสพติดทั่วประเทศในเบื้องต้น เพื่อนำมาใช้วางแผนการแก้ไขปัญหาร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ปปส. และสาธารณสุข เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน สนธิและกรองข้อมูลอีกชั้นหนึ่งในระดับพื้นที่ โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ เป็นแม่งานในการค้นหาผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกตำบล/หมู่บ้าน ทั้งผู้ใช้ ผู้เสพ และผู้ค้า ด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนร่วมกับฝ่ายบ้านเมือง ดำเนินมาตรการปราบปราบควบคู่กับการค้นหาข้อมูล โดยกระทรวงมหาดไทย จะรวบรวมข้อมูลจากพื้นที่ที่มีการดำเนินการปราบปราบเกี่ยวกับยาเสพติดมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้กับสังคม เพื่อสร้างความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่าเราไม่นิ่งนอนใจและเอาจริงเอาจัง และเพื่อให้เกิดความร่วมไม้ร่วมมือของพี่น้องประชาชนในการให้ข้อมูลกับฝ่ายบ้านเมืองเพิ่มขึ้น ไม่ว่าเป็นการจับกุม 1 เม็ด 2 เม็ด สามารถแจ้งข้อมูลได้ทั้งหมด ”นายสุทธิพงษ์ กล่าว

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีความมุ่งมั่นในการประกาศสงครามกับปัญหายาเสพติดทุกประเภท ทุกรูปแบบอย่างจริงจัง ด้วยการเป็นกลไกหลักในการประสานงานระดับพื้นที่ โดยขอให้มั่นว่าฝ่ายปกครองจะเต็มที่ ทั้งการกวาดบ้านตนเอง คนของเราต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และพุ่งเป้าทำทุกมาตรการอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ขอให้กรมการปกครอง เป็นแม่งานหลักให้ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ช่วยกันหาสถานที่ ทั้งวัด โรงเรียน หรือสถานที่ที่เหมาะสมในพื้นที่ ปรับปรุงเป็นศูนย์บำบัดฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติด พร้อมทั้งสนธิกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ในการดูแลอย่างใกล้ชิด มีแพทย์เป็นผู้จ่ายยาบำบัดรักษา โดยคนเสพต้องอยู่ในศูนย์ฯ รับยาบำบัดใช้ชีวิตในศูนย์คนละอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะคนติดยาจิตใจอ่อนแอ ไม่สามารถให้ไปใช้ชีวิตในสังคมร่วมกับคนปกติได้ เพื่อจะได้มีหลักประกันให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าลูกหลานที่พามาส่งบำบัดรักษา จะอยู่ในความดูแลของพวกเรา

ทั้งนี้ ยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ตอนนี้ไฟยาเสพติดไหม้ประเทศของเราแล้ว เราจึงต้องประกาศสงครามกับยาเสพติดอย่างเข้มข้น ต้องช่วยกันทำให้ผู้เสพเข้าสู่ระบบการบำบัดรักษา บุคลากรภาครัฐในทุกสังกัด ทุกพื้นที่ ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และได้รับการสุ่มตรวจทุกคน นอกจากนี้ ต้องทำให้หมู่บ้านในกองทุนแม่ของแผ่นดินทั้ง 100% ต้องสะอาด ต้องไม่มีผู้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อเป็นตัวอย่างและเฝ้าระวังไม่ให้ยาบ้าแพร่เข้าไปในหมู่บ้านได้ โดยมี อปท. เป็นหน่วยในการสนับสนุนด้านงบประมาณบริหารจัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งผลจากการประชุมวันนี้ จะได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย โดยอธิบดีกรมการปกครอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงาน ป.ป.ส. พร้อมทั้งมุ่งมั่นทุ่มเทขับเคลื่อนงาน ไม่นำปัญหาและข้อจำกัดมาเป็นอุปสรรคในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบบำบัดรักษา เราจะทำด้วยความรัก ความเมตตา ในการทำให้คนหลงผิดเป็นคนดีกลับสู่อ้อมอกพ่อแม่ ผมมั่นใจว่าองค์ความรู้ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (knowhow) เราดีอยู่แล้ว จึงขอให้ช่วยกัน “ค้นหา ปราบปราม รณรงค์ประชาสัมพันธ์ ต้องทำควบคู่ไปด้วยกัน” ปลุกจิตวิญญาณความเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีใจรุกรบในการประกาศสงครามกับยาเสพติด เพื่อให้ปัญหายาเสพติดหมดไปจากประเทศไทย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย วางมาตรการกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างจริงจัง “เพราะปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ” จึงเป็นที่มาของการหารือกันเพื่อบูรณาการการขับเคลื่อนการทำงานในวันนี้ โดยจากสถิติพบว่า ในปัจจุบันสถานการณ์ผู้เสพยาเสพติดมีแนวโน้มเพิ่ม และมีผู้เสพจำนวนมากยังไม่ได้เข้ารับการบำบัดในทางสาธารณสุข ในจำนวนเหล่านั้น มีกลุ่มผู้เสพที่เกิดอาการทางจิตเวช มีภาวะคุ้มคลั่ง ทำร้ายร่างกายบุพการี คนใกล้ชิด และพี่น้องประชาชน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดและผู้กำกับการสถานีตำรวจทั่วประเทศ ต้องเข้าไปเยี่ยมชุมชนบ่อยครั้งเพื่อสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อมั่น อันจะเกิดความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน

“ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้รับข้อมูลเบาะแสเรื่องยาเสพติดกับกระทรวงมหาดไทย โดยฝ่ายปกครองในทุกพื้นที่ ซึ่งเราได้ทำงานประสานบูรณาการกันอย่างต่อเนื่อง โดยมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และท่านนายอำเภอเป็นแม่ทัพ และมีขุนพล คือ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. แต่ทั้งนี้ แม้ว่าเราจะทำงานในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหนักเพียงใด จะจับได้กี่ล้านเม็ด ถ้ายังไม่เป็นที่พึงพอใจของพี่น้องประชาชน ก็ถือว่าประเมินไม่ผ่าน ต้องยึดเอาความพึงพอใจของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต้องค้นหาให้เร็ว เพื่อจะได้แก้ปัญหาด้วยกัน โดยนอกจากจะมีคณะกรรมการชุดใหญ่แล้ว ต้องมีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการย่อย 3 ส่วน คือ คณะอนุกรรมการป้องกัน มีกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลัก คณะอนุกรรมการปราบปราม มี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศาล อัยการ เป็นหน่วยงานหลัก และคณะอนุกรรมการบำบัดรักษา มีกระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานหลัก โดยทุกส่วนต้องทำงานในลักษณะ Area บูรณาการแต่ละหน่วย มีโต๊ะข่าวในพื้นที่เพื่อให้มีข้อมูลในการดำเนินการ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า จะต้องกวาดล้างยาเสพติดในวงการตำรวจ ด้วยความร่วมมือและบูรณาการระดับพื้นที่ร่วมกันอย่างจริงจัง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาประสบความสำเร็จอย่างจริงจังและยั่งยืน” ผบ.ตร. กล่าว

ด้าน นายมานัส ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ปี 2566 เราเตรียมความพร้อมดำเนินการตามนโยบายชาติ แผนปี 2566-2570 โดยแนวทางการดำเนินการมี 6 นโยบายและแผน 45 แนวทาง อาทิ การป้องกัน ปราบปราม การยึด-อายัดทรัพย์สิน การบำบัดรักษา และความร่วมมือระหว่างประเทศ นโยบายและแผนในการบริหารจัดการ รวมถึงการเตรียมการดำเนินการกับผู้เสพยาเสพติดที่มีอาการทางจิต โดย ป.ป.ส. ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีข้อสรุปแนวทาง คือ 1) เราจะต้องปิดล้อมตรวจค้นเพื่อมุ่งหาข้อมูลเป้าหมาย โดยดำเนินการหาทั้งผู้เสพ ผู้ค้า และผู้หลบหนีหมายจับ รวมทั้งขยายผลยึดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ 2) การดำเนินการตามข้อร้องเรียน เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นและวางเป้าหมายการดำเนินการ 3) การขยายผล ภายหลังจากการกระทำความผิด โดยเมื่อมีการจับกุมต้องมีการขยายผลหาที่มาและเบื้องหลัง 4) การบูรณาการการทำงานร่วมกันโดยมี ป.ป.ส. เป็นแกนกลางในการบูรณาการทำงานร่วมกัน 5) ข้อมูลต่าง ๆ ที่แต่ละหน่วยมีอยู่ ต้องมาบูรณาการดำเนินการร่วมกัน 6) การจับกุมบุคลากรของรัฐที่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกกรณี และ 7) การบริหารจัดการด้านงบประมาณ

ขณะที่ นพ.ศักดา อัลภาชน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข พร้อมให้ความร่วมมือในการบูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ป.ป.ส. ในด้านการบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด โดยจะได้นำผลการประชุมหารือในวันนี้ ไปกำหนดนโยบายไปสู่การปฏิบัติของโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลจังหวัด และโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนภารกิจศูนย์บำบัดฟื้นฟูของกระทรวงมหาดไทย และการทำให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจ และจะได้หารือร่วมกับ ป.ป.ส. ในการเตรียมการดำเนินการด้านการบำบัดรักษาให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงต่อไป

Message us