
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ห้องประชุมชั้น 2 ด่านศุลกากรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย–กัมพูชา (RBC) ว่า แม้ทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังพบการวางทุ่นระเบิดฝั่งกัมพูชาเพิ่มขึ้น 2 ครั้ง ซึ่งฝ่ายกัมพูชาไม่ยอมรับ แต่ยืนยันว่ายึดตามอนุสัญญาว่าด้วยทุ่นระเบิดอย่างเคร่งครัด
พล.ท.บุญสิน ย้ำว่า หากยังมีการละเมิดอีก ถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยไทย กองทัพภาคที่ 2 พร้อมตอบโต้ทุกรูปแบบ พร้อมทั้งระบุว่าการหารือเรื่องการปราบคอลเซ็นเตอร์ถูกยกขึ้นในที่ประชุม RBC เพราะเป็นนโยบายระดับประเทศที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ไม่ใช่แค่กองทัพ
สำหรับ ประเด็นข้อพิพาทต่าง ๆ ฝ่ายไทยยืนยันเสนอชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องทุ่นระเบิดและคอลเซ็นเตอร์ ส่วนข้อเสนอจากกัมพูชาบางเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับความมั่นคง ก็ไม่ได้ถูกหยิบยกในที่ประชุม
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า การเพิ่มกำลังทหารบางจุดของกัมพูชา ไทยได้เก็บหลักฐานไว้เพื่อดำเนินการประท้วงตามขั้นตอน พร้อมยืนยันว่า “รั้วลวดหนาม” ฝั่งไทยตั้งอยู่ในพื้นที่ถูกต้องตามกฎหมายและหลักยุทธวิธี ไม่มีการรื้อถอน
ด้านบรรยากาศการประชุม RBC ครั้งนี้เป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายยังคงหยุดยิงตามข้อตกลง แต่สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติจริงว่า จะสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของผู้นำกัมพูชาหรือไม่
เมื่อถามถึงความมั่นใจว่ากัมพูชาจะไม่ยิงใส่ประชาชนไทยอีก พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า “เราหวังว่าจะไม่เกิดขึ้น ทุกฝ่ายไม่อยากให้มีความสูญเสีย แต่ต้องรอดูนโยบายของผู้บังคับบัญชาและท่าทีทหารกัมพูชาตลอดแนวชายแดน”
ทั้งนี้ การกดดันจากมวลชนกัมพูชาที่ชายแดนสระแก้ว ได้ถูกนำมาบรรจุในข้อตกลง RBC ข้อที่ 4 ว่าด้วยการห้ามยุยงและใช้กำลังทั้งทางทหารและพลเรือนสร้างความขัดแย้ง ซึ่งกัมพูชาก็ยอมรับเช่นกัน โดยฝ่ายไทยได้มอบนโยบายให้หน่วยในพื้นที่แก้ปัญหาอย่างเด็ดขาด แต่ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนสองฝ่ายปะทะกัน
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังฝากถึงประชาชนตามแนวชายแดนว่า อย่าเชื่อข่าวลือหรือข้อมูลจากโซเชียลโดยไม่ตรวจสอบ พร้อมยืนยันว่ายังไม่มีสิ่งบอกเหตุที่จะเกิดการใช้กำลัง ส่วนเกษตรกรสามารถเข้าพื้นที่ทำกินได้ในบางจุด ยกเว้นบริเวณใกล้แนวหน้า
สำหรับกรณี “ปราสาทตาควาย” แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย ยังคงพร้อมดำเนินการตามสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นทางทูตหรือทางการทหาร หากสถานการณ์บานปลาย