ในปี 2568 คาดว่า จะเป็นปีที่มีปริมาณน้ำสูงกว่าค่าเฉลี่ย ทางกรมชลประทานจึงได้มีการเตรียมพร้อมแผนการสำหรับ 3 ระยะสำคัญ คือ ก่อนฤดูฝน ช่วงฤดูฝน และ หลังฤดูฝน โดยมีแผนการดังนี้
ระยะ 1 คือ การเตรียมพร้อมอย่างรอบด้าน โดยการคาดการณ์ชี้เป้าและแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยง โดยใช้ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะรวบรวมข้อมูลสถานการณ์น้ำจากทั่วประเทศแบบ Real-time และวิเคราะห์ Big Data เพื่อประเมินและคาดการณ์ปริมาณฝน พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และภาวะฝนทิ้งช่วงได้อย่างแม่นยำล่วงหน้า พร้อมแจ้งเตือนหน่วยงานในพื้นที่และประชาชน และยังคาดการณ์สถานการณ์น้ำล่วงหน้า เพื่อควบคุมการเก็บ-ระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำให้เหมาะสมกับสภาพฝนและเพียงพอสำหรับฤดูแล้งถัดไป
สิ่งที่จะขาดไม่ได้ในระยะแรกคือการตรวจสอบความมั่นคงของโครงสร้าง อาคารชลประทานต่างๆ รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ อาคารชลศาสตร์ และบุคลากร ตรวจสอบและซ่อมบำรุงเครื่องจักรเครื่องมือ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน 100% และติดตั้งในจุดที่เหมาะสมทั่วประเทศ รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของทางน้ำอย่างเป็นระบบ เช่น การกำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำ และขุดลอกคูคลอง
ต่อมาในระยะที่ 2 คือ การเผชิญเหตุและบรรเทาผลกระทบ ทางกรมชลประทานได้ซ้อมแผนเผชิญเหตุ ตั้งศูนย์ส่วนหน้าก่อนเกิดภัย และฟื้นฟูสภาพให้กลับสู่สภาพปกติ ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น ตั้งศูนย์บัญชาการส่วนหน้า และพร้อมฟื้นฟูพื้นที่ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์
และ ระยะที่ 3 คือ การฟื้นฟูและสร้างความมั่นคง เก็บเกี่ยวมวลน้ำฝนปลายฤดู เพื่อเป็นน้ำต้นทุนใช้ต่อในฤดูแล้ง โดยทางกรมชลประทานได้เร่งพัฒนาและเก็บกักน้ำในแหล่งน้ำทุกประเภทช่วงปลายฤดูฝน เก็บเกี่ยวทรัพยากรน้ำเพื่อเป็นน้ำต้นทุนสำหรับภาคอุปโภคบริโภคและภาคเกษตรกรรม รองรับฤดูแล้งปีต่อไป สร้างความมั่นคงด้านน้ำให้ประเทศตลอดทั้งปี
แต่ที่สำคัญที่สุดและมีในทุกระยะ คือการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา รวมถึงเตรียมพร้อมบุคลากรและเจ้าหน้าที่ให้พร้อมรับมืออยู่เสมอ