ดร.พิภู บุษบก ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวางแผนและจัดการนโยบาย มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวภายหลังพิธีพิธีเปิดนิทรรศการในวันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม 2568 ว่า มหาวิทยาลัยศิลปากรได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยฟู่ตั้น (Fudan University) มหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก จากนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดแสดงนิทรรศการ “บทบันทึกวิถีวัฒนธรรมราชวงศ์ฮันจากหัตถศิลป์ทางประวัติศาสตร์สู่ประสบการณ์ดิจิทัล” เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน และการลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกัน พร้อมเดินหน้าขยายความร่วมมือทางวิชาการและการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ โดยจัดแสดงนิทรรศการระหว่างวันที่ 3-9 ตุลาคม 2568 ณ หอศิลปะสถาปัตยกรรมพระพรหมพิจิตร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และหอศิลปะและการออกแบบ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพฯ
“มหาวิทยาลัยศิลปากรมีความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยในประเทศจีนหลายแห่ง โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก และกำลังขยายการทำงานร่วมกันในหลายมิติ ทั้งด้านศิลปะ การออกแบบ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อีกทั้งปลายปีนี้ จะมีการจัดนิทรรศการ “ศิลปกรรมไทย–จีน” ร่วมกับสถาบันศิลปกรรมแห่งชาติจีน เพื่อเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย–จีน 50 ปี อีกด้วย” ดร.พิภู กล่าว

ด้าน รศ.ดร. เกรียงไกร เกิดศิริ รองคณบดีฝ่ายแผน วิจัย กิจการพิเศษ และประกันคุณภาพการศึกษา คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า มหาวิทยาลัยศิลปากรได้ลงนามความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยฟูตัน เพื่อผลักดันการศึกษาและการวิจัยร่วมกัน ในโอกาสเฉลิมฉลองวาระ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย–จีน นอกจากนี้ ยังได้นำผลงานวิจัยของศาสตราจารย์ฉาย ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์จีน มาจัดแสดงในรูปแบบสื่อศิลปะร่วมสมัย อาทิ เกม AR, และวิดีโอแมปปิง ซึ่งจัดแสดงมาแล้วทั่วประเทศจีน และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
“อาจารย์ฉายท่านมีชื่อเสียงมากในประเทศจีน ภาพต่างๆ ในสุสานราชวงศ์ฮั่น มีอาจารย์เพียงท่านเดียวที่ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบเป็นระยะเวลาหลายปี และทำการศึกษาในลักษณะของการเก็บข้อมูลสามมิติ แล้วนำตีความสร้างสื่อร่วมสมัยจัดแสดงทั่วประเทศจีนมาแล้ว และเป็นครั้งแรกที่จัดแสดงในประเทศไทย โดยราชวงศ์ฮั่นเป็นราชวงศ์สำคัญของจีน นิทรรศการนี้ทำให้ได้เรียนรู้มิติทางวัฒนธรรม ผ่านภาพที่อยู่ในสุสาน ทั้งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตผู้คน การกินอยู่ การแต่งกาย ปกติสุสานจะปิดไม่ได้ให้คนเข้าไป ยกเว้นผู้ที่เข้าไปทำการศึกษา เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ถูกนำมาจัดแสดง ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบการสื่อสารสมัยใหม่ซึ่งอยากเชิญชวนให้ทุกคนได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองกันครับ” รศ.ดร. เกรียงไกร กล่าวเชิญชวน

ขณะที่ ศาสตราจารย์ฉาย ฉุ่ยเสีย จากหน่วยวิจัยศิลปะดิจิทัล ศูนย์มรดกวัฒนธรรม ภาควิชามรดกวัฒนธรรมและพิพิธภัณฑ์ศึกษา มหาวิทยาลัยฟูตั้น เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากพื้นฐานความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองมหาวิทยาลัย โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้บริหารและคณาจารย์ทั้งสองฝ่าย พร้อมขอบคุณมหาวิทยาลัยศิลปากรและนักศึกษาที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้นิทรรศการครั้งนี้เกิดขึ้นจริง โดยการเลือกนำเสนอเรื่องราวจากราชวงศ์ฮั่น เกิดจากความตระหนักว่า สุสานราชวงศ์ฮั่นมีอายุกว่า 2,000 ปี และเต็มไปด้วยข้อมูลทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า แต่ด้วยข้อจำกัดของโบราณวัตถุที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ จึงได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ เพื่อถ่ายทอดสู่ผู้ชมในรูปแบบสื่อศิลปะร่วมสมัย ทั้งยังเป็นโอกาสขยายความร่วมมือด้านการวิจัยและการศึกษาเชิงลึกระหว่างสองสถาบัน
“ความท้าทายในการทำงานครั้งนี้ อยู่ที่ทุกขั้นตอนล้วนแล้วแต่เป็นการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมราชวงศ์ฮั่นมาช่วยถอดรหัสความหมายของสัญลักษณ์และลวดลาย ทำให้งานมีความสมบูรณ์และเข้าถึงผู้ชมมากที่สุด ทุกชิ้นงานในนิทรรศการล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อยากให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสด้วยตนเอง เพื่อเรียนรู้มิติใหม่ของประวัติศาสตร์จีนที่คณะผู้วิจัยใช้เวลาศึกษาและรวบรวมข้อมูลยาวนานกว่า 6 ปี ตั้งแต่ปี 2016 จนสามารถจัดแสดงได้ในครั้งนี้ จึงขอถือโอกาสนี้เชิญชวนชาวไทยเข้าชมงาน และยินดีเปิดรับข้อคิดเห็นและคำแนะนำจากผู้เข้าชมเพื่อนำไปพัฒนางานในอนาคต ที่สำคัญนิทรรศการครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ด้านวิชาการและวัฒนธรรมไทยและจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีกด้วย” ศาสตราจารย์ฉาย กล่าวย้ำ

สำหรับ นิทรรศการ “บทบันทึกวิถีวัฒนธรรมราชวงศ์ฮันจากหัตถศิลป์ทางประวัติศาสตร์สู่ประสบการณ์ดิจิทัล” เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมระหว่างวันที่ 3–9 ตุลาคม 2568 ณ หอศิลปะสถาปัตยกรรมพระพรหมพิจิตร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และหอศิลปะและการออกแบบ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพฯ โดยผู้เข้าชมจะได้สัมผัสประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีนที่ถ่ายทอดผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลร่วมสมัย