
นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปร่วมงานเสวนาหัวข้อ “How to..นักการเมืองหญิง ร่วมผลักดัน ท้องถิ่น ชุมชนจัดการความรุนแรงในครอบครัว 24 ชม.” ซึ่งจัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อนหญิง เครือข่ายสตรี 4 ภาค และเครือข่ายพัฒนากลไกสหวิชาชีพพื้นที่นำร่อง 4 จังหวัด ที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ (13 พ.ย.68)
นางรัดเกล้า ได้ชวนให้สังคมนับถอยหลังสู่วันที่ 25 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล (International Day for the Elimination of Violence against Women) พร้อมกับชี้ว่า ปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กไม่ใช่แค่เรื่องสังคม แต่ยังเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่กระทบศักยภาพประเทศอีกด้วย

ทั้งนี้ การแก้ปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก จึงไม่ควรถูกมองว่าเป็นเพียง “ปัญหาสังคม” แบบแยกส่วน แต่ควรมองในภาพรวมว่าเป็น “ปัญหาเศรษฐกิจ” ที่กระทบต่อทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ เพราะ “คน” คือทุนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้หญิง หรือผู้พิการ ถูกละเมิดสิทธิ ไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือถูกกระทำความรุนแรง ก็เท่ากับเป็นการบั่นทอนศักยภาพของประเทศโดยตรง
“การแก้ปัญหานี้ต้องเกิดจากความร่วมมือทุกภาคส่วน และควรถูกยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ หากเป็นไปได้ อยากให้ทุกพรรคการเมืองร่วมกันกำหนดนโยบายในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้การขับเคลื่อนไม่สะดุด ไม่ว่าพรรคใดจะเป็นรัฐบาลก็ตาม” นางรัดเกล้ากล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเสนอแนวทางสำคัญ 3 ประการ เพื่อสร้างระบบนโยบายที่มีมิติทางเพศสภาพ (Gender Lens) อย่างยั่งยืน ได้แก่
1. การจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศสภาพ (Gender Responsive Budget) เพื่อให้การใช้งบประมาณตอบโจทย์ทุกกลุ่มคนอย่างเท่าเทียม

2. การสร้างฐานข้อมูลเชิงเพศสภาพ (Gender-Based Data) เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและภาคส่วนต่าง ๆ ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ (Data-Driven) ในการวางแผนและแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
3. Gender Quota การเปิดโอกาสให้ผู้มีความรู้ ความสามารถ และความตั้งใจจริง ไม่ว่าจะเป็นเพศใด เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานเชิงนโยบายด้านสิทธิสตรีและสิทธิเด็กอย่างแท้จริง
นางรัดเกล้า ยังกล่าวถึงแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ขณะนี้พรรคอยู่ในช่วงปรับตัวเหมือน “สตาร์ทอัพทางการเมือง” ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ทันสมัย และเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาท เห็นได้จากการที่ได้เปิดโอกาสให้ตนดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และให้ทำภารกิจด้านสิทธิเด็ก สิทธิสตรี และความยั่งยืน” ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญที่สะท้อนความตั้งใจของพรรคในการผลักดันประเด็นนี้อย่างจริงจัง
“ช่วงแรกมีข้อเสนอให้ใช้คำกลาง ๆ อย่าง ‘ความเท่าเทียมและความยั่งยืน’ แทน แต่หัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันให้คงคำว่า ‘เด็ก’ และ ‘สตรี’ ไว้ เพื่อให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เพียงใด และจะเดินหน้าทำอย่างต่อเนื่อง” รัดเกล้ากล่าว