“อนุทิน”ลุยปราบขบวนการส่วยสัญชาติ–ค้ายาเสพติดเชื่อมโยงเครือข่ายจีนเทา

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย แถลงผลปฏิบัติการครั้งใหญ่สองชุด ได้แก่ “ยุทธการตัดหมอกเวียงแหง” และ “ยุทธการสกัดยานรก” โดยมีรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานด้านปราบปรามทุจริตร่วมรับฟังอย่างพร้อมเพรียง

นายอนุทิน ระบุว่า คดีเรียกรับผลประโยชน์จากชาวต่างด้าวเพื่อแลกเปลี่ยนสิทธิเข้าพักอาศัยหรือสัญชาติไทย หรือที่ถูกเรียกว่า “ส่วยสัญชาติ” เป็นการบ่อนทำลายหลักนิติรัฐและกระทบความมั่นคงโดยตรง จึงสั่งการให้เร่งตรวจสอบโดยบูรณาการทุกหน่วยงาน ทั้งกรมการปกครอง ตำรวจสอบสวนกลาง ป.ป.ช. ป.ป.ท. DSI และหน่วยด้านความมั่นคง

การสืบสวนพบว่า ขบวนการดังกล่าวมีการจัดทำเอกสารให้อยู่ในทะเบียนราษฎรโดยมิชอบ และเชื่อมโยงกับ “กลุ่มจีนเทา” ซึ่งถูกระบุว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ โดยผู้กระทำผิดหลายรายฉวยโอกาสหาผลประโยชน์จากประชาชนกลุ่มเปราะบางกว่า 480,000 คน ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่อยู่ในไทยมานาน บางคนรอคอยสถานะนานถึง 30–40 ปี

นายอนุทิน ย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าอับอาย เพราะเจ้าหน้าที่รัฐบางรายมีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนถึงขั้นเป็นหัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่กระทรวงมหาดไทยต้องออกหมายจับ “นายอำเภอ” เพื่อแสดงจุดยืนว่ารัฐบาลไม่ปกป้องคนผิด ไม่ว่ามีตำแหน่งหรือบารมีเพียงใด

ผลปฏิบัติการ “ตัดหมอกเวียงแหง” มีการออกหมายจับ 28 ราย จับได้แล้ว 12 ราย รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ 10 ราย กลุ่มนายหน้า 1 ราย และคนต่างด้าว 1 ราย พร้อมหลักฐานจำนวนมาก อีกทั้งยังพบความเชื่อมโยงกับคดีในปทุมธานีที่มีการโฆษณารับทำบัตรประชาชนผ่านแพลตฟอร์ม “เสี่ยวหงชู” สร้างความเสียหายนับพันล้านบาท

ในด้านปราบปรามยาเสพติด นายอนุทินรายงานผลการปฏิบัติการ “สกัดยานรก” ในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงจากชายแดนเข้าประเทศ โดยตำรวจภูธรภาค 5 และหน่วยงานด้านความมั่นคงบูรณาการเข้มข้น ทั้งสกัดกั้น ตรวจค้น และขยายผลไปยังเครือข่ายการเงิน

ระหว่างวันที่ 13–19 พฤศจิกายน สามารถจับกุมคดีสำคัญ 3 คดี ยึดยาบ้ากว่า 11 ล้านเม็ด ไอซ์ 500 กิโลกรัม และอายัดทรัพย์สินเครือข่ายค้ายาเพิ่มเติม

นายอนุทินประกาศว่า รัฐบาล “ประกาศตัวเป็นศัตรูกับผู้ค้ายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ” ทุกคนที่ทำผิดต้องถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากเป็นชาวต่างชาติแม้รับโทษในไทย ก็ยังต้องถูกส่งกลับประเทศต้นทาง

ท้ายที่สุด นายอนุทินกล่าวย้ำว่า รัฐบาลจะสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเต็มที่ และขอความร่วมมือประชาชนร่วมแจ้งเบาะแส ดูแลครอบครัว และร่วมต้านยาเสพติดและการทุจริต เพื่อทำให้สังคมไทยปลอดภัยและมั่นคงอย่างแท้จริง

สำหรับผลการปฏิบัติ “ยุทธการสกัดยานรก” ระหว่างวันที่ 13 – 19 พ.ย. 2568 ตำรวจภูธรภาค 5 บูรณาการร่วมกับ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร และสำนักงาน ป.ป.ส. สกัดกั้นปราบปรามจับกุมยาเสพติดได้  3 คดี ยาบ้ารวมประมาณ 11 ล้านเม็ด ไอซ์ จำนวน 500 กก. และอายัดทรัพย์สินจากขบวนการค้ายาเสพติดได้หลายรายการ ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม โดยมีความเด็ดขาดในการสกัดกั้นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดตั้งแต่ชายแดนจนถึงพื้นที่ชั้นในของประเทศ