
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมิและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานกมธ. แถลงสถานการณ์บริเวณ ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ และประชาชนผู้ได้รับผลกระทบทุกท่าน กมธ.ขอแสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่ทวีความตึงเครียดบริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา และขอประณามกัมพูชาการกระทำใด ๆ ที่คุกคามชีวิตของพลเรือนและละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ กมธ.ซึ่งมีหน้าที่ติดตามการปฏิบัติตามหลักนิติธรรมและพันธกรณีระหว่างประเทศของประเทศไทย เห็นสมควรบันทึกและตอบสนองต่อการละเมิดที่บั่นทอนสันติภาพ เสถียรภาพ และสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 23 ก.ค.68 ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ห้วยบอน อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามใช้กับระเบิด ซึ่งกัมพูชาเป็นประเทศภาคี เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 อากาศยานไร้คนขับของกัมพูชาได้บินล้ำเข้ามาในน่านฟ้าไทยบริเวณปราสาทตาเมือน ก่อนที่เวลา 18.20 น.กำลังพลกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ฐานทหารไทย ส่งผลให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ต่อมาเวลา 09.40 น.กัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้าใส่ชุมชนพลเรือนใน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และยังมีการยิงถล่มต่อเนื่องไปยังพื้นที่อยู่อาศัยและโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนในหลายจังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี และศรีสะเกษรวมถึงบ้านเรือน ปั๊มน้ำมัน และโรงพยาบาลพนมดงรัก เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ พลเรือนเสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บ 32 ราย ทหารเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 14 นาย การโจมตีโดยไม่แยกแยะระหว่างเป้าหมายทางทหารและพลเรือนเช่นนี้ ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวา โดยเฉพาะหลักการแยกแยะและความได้สัดส่วน และอาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงครามตามธรรมนูญกรุงโรมของศาลอาญาระหว่างประเทศ
ขณะที่ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.68 กองทัพไทยยืนยันอย่างเป็นทางการว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มต้นการปะทะดังกล่าว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงลักษณะการกระทำที่เป็นระบบอย่างต่อเนื่อง การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน ได้แก่ 1.อนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้กับระเบิด 2.อนุสัญญาเจนีว่าและกฎหมายมนุษธธธรรมระหว่างประเทศตามตามจารีตประเพณี เนื่องจากการโจมตีพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนอย่างไม่เลือกเป้าหมาย
3.ธรรมนูญกรุงโรมของศาลอาญาระหว่างประเทศ เนื่องจากการโจมตีพลเรือน และสถานพยาบาลถือเป็นอาชญากรรมสงคราม
นายกมลศักดิ์ กล่าววว่า กมธ.ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามกรอบความตกลงระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด รวมถึงอนุสัญญาเจนีวา อนุสัญญาออตตาวา ข้อตกลงด้านสิทธิมนุษยชนสากล หลักมนุษยธรรม และกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ พร้อมกันนี้ขอให้มีการยุติความรุนแรงโดยทันที และหันมาใช้สันติวิธีในการแก้ไขข้อขัดแย้ง รวมทั้งขอประณามอย่างรุนแรง ต่อถ้อยแถงอันเป็นเป็นเท็จ และไม่มีมูลความจริง ซึ่งปราศจากความถูกต้อง ตรงข้ามกับข้อเท็จจริงตามที่กระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลไทย และประธานรัฐสภาได้มีการแถลงอย่างเป็นทางการ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างหรกขอเรียกร้องให้ประเทศกัมพูชา หยุดการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจสร้างความเข้าใจผิดและซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลง ขอให้ทุกฝ่ายคงยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และการคุ้มครองชีวิตพลเรือน คณะกรรมาธิการยืนยันยันความจำเป็นของการเจรจา ความโปร่งใส และกลไกความรับผิด เพื่อสร้างความสมานฉันท์และสันติภาพอย่างยั่งยืนในพื้นที่ชายแดน ทั้งนี้ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันความสูญเสียของชีวิตและฟื้นฟูหลักนิติธรรมอย่างแท้จริง