
เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงเป็นประธานในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ งานบำเพ็ญพระกุศลอุทิศถวาย สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธ ยุคที่ 2 เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ เป็นปีที่ 88 เมื่อวันจันทร์ ที่ 25 สิงหาคม 2568

พร้อมกันนี้ ได้ทรงบำเพ็ญพระกุศลอุทิศถวาย สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ เจ้าอาวาสยุคที่ 4 พระราชอุปัธยาจารย์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสยุคที่ 1, สมเด็จพระพุทธปาพจนบดี (จินฺตากรเถร) เจ้าอาวาสยุคที่ 5 และพระศาสนโศภน (ภาณกเถร) เจ้าอาวาสยุคที่ 3 ด้วย

การนี้ โปรดให้อัญเชิญพระพุทธรูปประจำวันประสูติและประจำวันเกิด คู่กับพระสถูปพระอัฐิ และอัฐิ อดีตเจ้าอาวาสทุกยุคออกประดิษฐาน
พระเปรียญถวายพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระสงฆ์จตุรวรรค สวดคาถาธรรมบรรยาย พระสงฆ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์ รับพระราชทานฉัน พร้อมกับพระสงฆ์อีก 100 รูปฉันภัตตาหารเพล ณ พระวิหารคด จากนั้น พระสงฆ์ 50 รูป สวดมาติกา สดับปกรณ์พระอัฐิ-บังสุกุลอัฐิอดีตเจ้าอาวาส

เจ้าพระคุณ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์ เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนเจริญผลพูลสวัสดิ์ (ต้นราชสกุลชมพูนุท) ประสูติแต่หม่อมปุ่น เมื่อวันศุกร์ ที่ 16 ธันวาคม 2402 มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าภุชงค์ ทรงศึกษาอักขรสมัยเบื้องต้นกับเจ้าจอมมารดาสัมฤทธิ์ ในรัชกาลที่ 3 ผู้เป็นอัยยิกา แล้วเสด็จไปทรงศึกษาที่โรงเรียนแรฟเฟิลส์ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเสด็จกลับมาแล้ว ทรงบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์

ครั้น พ.ศ.2422 ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีสมเด็จพระวันรัต (ทับ พุทฺธสิริ) วัดโสมนัสวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์ ประทับ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงพระฉายาว่า สิริวฑฺฒโน
ทรงศึกษาภาษาไทย ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต และพระปริยัติธรรมจนแตกฉาน ทรงพระปรีชาญาณพิเศษในทางรจนาหนังสือทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ทรงพระนิพนธ์ตำราและหนังสือสำคัญทางพระพุทธศาสนาไว้มากมาย เช่น คัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา หรือพจนานุกรมภาษาบาลีแปลเป็นไทย มหานิบาตชาดก นิทานต้นบัญญัติ สามเณรสิกขา เป็นต้น พระนิพนธ์เหล่านี้ยังใช้เป็นคู่มือในการศึกษาภาษาบาลี และการศึกษาพระพุทธศาสนาของพระภิกษุสามเณรมาจนถึงปัจจุบัน

ทรงก่อตั้งมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และทรงริเริ่มให้จัดหลักสูตรธรรมศึกษา เป็นหลักสูตรการเรียนพระพุทธศาสนาสำหรับฆราวาส ควบคู่ไปกับหลักสูตรนักธรรมของบรรพชิต
เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสยุคที่ 1 สิ้นพระชนม์ ใน พ.ศ.2444 จึงได้ทรงเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา เป็นเจ้าอาวาสยุคที่ 2 เป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงผนวช เป็นที่ทรงเคารพบูชายิ่งของพระมหากษัตริย์ทั้งสองพระองค์ และทรงเป็นพระอุปัชฌายะของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ พระราชอุปัธยาจารย์ในรัชกาลปัจจุบัน นับเนื่องถึงรัชกาลปัจจุบัน จึงทรงเป็นพระบูรพาจารย์ในทางธรรม

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์ ทรงบริบูรณ์ด้วยพระศีลาจารวัตรเนกขัมมปฏิปทาไม่บกพร่อง มีพระอัธยาศัยเยือกเย็นสุภาพ ไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็นพระอาการกริ้วโกรธหรือมีรับสั่งผรุสวาท ทรงพระสุขุมคัมภีรภาพในการบริหารกิจการพระศาสนา ด้วยความมั่นคงในหลักการตามพระธรรมวินัย
นอกจากนี้ ยังทรงอุปการกิจสาธารณูปการไว้เป็นอันมาก เช่น ทรงอุปถัมภ์โรงเรียนวัดราชบพิธสืบต่อจากเจ้าอาวาสยุคที่ 1, ทรงอุปถัมภ์การสร้างวัดมะขามใต้ (วัดชินวราราม) สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย จังหวัดปทุมธานี, ทรงสร้างโรงเรียนวัดชินวราราม (เจริญผลวิทยาเวศม์) จังหวัดปทุมธานี เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้ จึงทรงงอกงามไพบูลย์ในพระศาสนาและในพระอิสริยยศทางราชตระกูลตลอดมานับแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกทั้งยังเป็นที่ทรงพระราชศรัทธายิ่งของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอดจนคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ที่ 11 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2464 ในรัชกาลที่ 6 ถึง พ.ศ. 2480 ในรัชกาลที่ 8 ทรงพระคุณูปการแด่พระบวรพุทธศาสนาและประเทศชาติอย่างยิ่ง เสด็จสถิตเป็นที่พึ่งแห่งพระบรมราชวงศ์และพุทธศาสนิกชน และทรงเป็นหลักของพุทธศาสนจักรที่ยึดเหนี่ยวจิตใจตลอดมา

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันพุธ ที่ 25 สิงหาคม 2480 สิริพระชนมายุ 77 พรรษา พรรษา 57 ทรงครองวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 36 ปี

ครั้นถึงพุทธศักราช 2568 เป็นอภิลักขิตสมัย 100 ปี วันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และ 100 ปีวันเสด็จขึ้นทรงราชย์แห่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีพระบรมราชโองการประกาศ ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 สถาปนาพระอิสริยยศทางพระบรมราชวงศ์และพระสมณฐานันดรศักดิ์ เฉลิมนามพระอัฐิ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ขึ้นเป็น “พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ” เสด็จสถิตที่ “สมเด็จพระมหาสมณเจ้า“ มีพระนามว่า ”สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์“ เพื่อประกาศพระมหาสมณคุณให้ปรากฏไพศาลสืบไป
