“เอกนิติ”ปลื้ม 3 ดัชนีเชื่อมั่นฟื้นชงมาตรการหนุนการออมเข้าครม.9 ธ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มอบหมายให้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) ครั้งที่ 7/2568 โดยมี คณะรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมด้วย 

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเอกนิติ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากข้อสั่งการว่า ได้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่จังหวัดสงขลา ประกาศ ข้อกำหนด และคำสั่งที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องจากเหตุภัยพิบัติได้คลี่คลายลง และเข้าสู่ช่วงการฟื้นฟูเมือง

ทั้งนี้ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีได้ลงไปพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อติดตามเร่งรัดการฟื้นฟูเมือง รวมทั้งได้ไปที่จังหวัดสตูล เพื่อให้กำลังใจและรับฟังปัญหาจากประชาชน และคนทำงานในพื้นที่ ซึ่งที่นั่นก็มีผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมเช่นกัน และนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายกระทรวงมหาดไทย เพื่อปรับปรุงเกณฑ์การจ่ายเงินผู้เสียชีวิตรายละ 2 ล้านบาท ขยายให้ครอบคลุมผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมทั้งหมด 9 จังหวัดภาคใต้ ด้วยแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างนำเสนอ ครม. ตามขั้นตอนต่อไป

สำหรับ ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล ซึ่งนโยบายดังกล่าวได้ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจทั้ง 3 ตัว ได้แก่

1) ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภูมิภาค

2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

3) ดัชนีความเชื่อมั่น SMEs มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา

สำหรับ ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภูมิภาค ปรับเพิ่มขึ้นจาก 65.9 ในเดือนกันยายน 2568 เป็น 71.1 ในเดือนตุลาคม 2568 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มีการฟื้นตัวจาก 50.7 ในเดือนกันยายน 2568 มาอยู่ที่ 53.2 ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่น SMEs ปรับเพิ่มจาก 48.0 ในเดือนกันยายน 2568 เป็น 53.2 ในเดือนพฤศจิกายน 2568

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบในหลักการและรับทราบการดำเนินมาตรการ “Quick Big Win” การเพิ่มโอกาสการออมและความมั่นคงทางการเงินของประชาชน โดยกระทรวงการคลัง โดยจะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ มาตรการเพื่อเพิ่มโอกาสการออมและความมั่นคงทางการเงินของประชาชนดังกล่าวจะช่วยให้ประชาชนมีช่องทางในการออมที่หลากหลายและสะดวกมากขึ้น ประชาชนมีแรงจูงใจในการออม กระตุ้นให้ผู้ที่มีรายได้ปานกลางและมีรายได้น้อยมีการออมเพิ่มขึ้น มีภาวะทางการเงินที่ดี (Financial Well-being) มีรายได้ที่เพียงพอในการดำรงชีพยามเกษียณอายุ และภาครัฐสามารถบรรเทาภาระงบประมาณด้านสวัสดิการกรณีชราภาพในการดูแลผู้ที่ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้