เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน ว่าที่ประชุมเห็นชอบแนวทางจัดเก็บค่าโดยสาร “40 บาทตลอดวัน” ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 – 30 พฤศจิกายน 2569 รวมระยะเวลา 1 ปี โดยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้
นายพิพัฒน์กล่าวว่า อัตรา 40 บาทดังกล่าว เป็นการเดินทางได้ไม่จำกัดเที่ยวภายใน 1 วัน ไม่ว่าจะขึ้นกี่รอบก็ตาม ถือเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานรายวัน เช่น ผู้ปกครองที่ต้องเดินทางไป–กลับหลายรอบต่อวัน “จากเดิมหากขึ้น–ลงหลายเที่ยว ต้องจ่ายเพิ่มทุกครั้ง แต่ระบบใหม่นี้จ่ายครั้งเดียว 40 บาท ทั้งวัน เดินทางกี่รอบก็ได้ ประหยัดกว่าเดิมถึง 50%”
สำหรับอัตราพิเศษอื่น ๆ ยังคงเดิม
- นักเรียน–นักศึกษา จ่าย 30 บาท
- เด็กและผู้พิการ เดินทางฟรี
- ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี จ่ายครึ่งราคา (20 บาท หรือครึ่งหนึ่งของระยะทางตามที่ใช้จริง)
รัฐมนตรีคมนาคมยืนยันว่า มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ที่ผ่านสภาแล้วตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยรัฐบาลตั้งเป้าให้เกิดการใช้ “ตั๋วร่วม” อย่างเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน และให้กระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทบทวนรูปแบบการบริหาร เพื่อให้การรถไฟเป็นเจ้าของระบบรายเดียวโดยไม่กระทบต่อเพดานหนี้สาธารณะ
ด้าน นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการนี้จะใช้ได้เฉพาะผู้ถือบัตร EMV (บัตรแตะจ่ายธนาคาร) เท่านั้น บัตรแบบเที่ยวเดียวไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ โดยคาดว่าจะช่วยลดงบประมาณอุดหนุนลง เนื่องจากจำกัดสิทธิ์เฉพาะกลุ่มผู้ใช้บริการบ่อย เช่น คนทำงานรายวันหรือผู้มีภารกิจหลายรอบในวันเดียว
“ยิ่งมีคนมาใช้ยิ่งดี เพราะรัฐเป็นเจ้าของระบบและจ่ายค่าจ้างเดินรถอยู่แล้ว ยิ่งมีผู้โดยสารมาก ยิ่งคุ้มค่า และยิ่งช่วยลดภาระประชาชนได้ตรงกลุ่ม” นายพิเชฐกล่าว