ส.อ.ท.ยื่น 5 ข้อเสนอให้พาณิชย์เดินหน้าฝ่าวิกฤตการค้าโลก

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วย นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์รมช.พาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารระดับสูง เข้าหารือกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และคณะผู้บริหาร ณ ห้องประชุม Passion (802) ชั้น 8 อาคาร ส.อ.ท. เพื่อรับฟังข้อเสนอและผลักดันความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชนอย่างใกล้ชิด รับมือความไม่แน่นอนของการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

นายจตุพร กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ต้องเป็นพาณิชย์หนึ่งเดียว จับมือกับ FTI ONE บูรณาการความร่วมมือ โดยจะร่วมกันร่าง ‘ปฏิญญาความร่วมมือ’ ระหว่างกระทรวงพาณิชย์และ ส.อ.ท. เพื่อแก้ปัญหาผู้ประกอบการอย่างเป็นระบบ พร้อมติดตามความคืบหน้าทุก 10 วัน ซึ่ง ข้อเสนอทั้งหมดจาก ส.อ.ท. สอดคล้องกับ 10 นโยบายเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย โดยเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก การใช้กลยุทธ์ Soft Power และการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ทุกภาคส่วน

“วันนี้เราต้องร่วมมือกันทั้งประเทศ กระทรวงพาณิชย์พร้อมเปิดใจ รับฟัง และทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ทีมไทยแลนด์ต้องเดินหน้าอย่างเป็นหนึ่งเดียว เพื่อผลักดันไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ให้เกิดขึ้นจริง” นายจตุพร กล่าว

ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมพร้อมสนับสนุนการทำงานของกระทรวงพาณิชย์และรัฐบาล โดยได้เสนอแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจและดูแลผู้ประกอบการไทย 5 ประเด็นสำคัญ ซึ่งต้องเดินร่วมกันให้เป็นทีมไทยแลนด์ เพราะในวันนี้มีทั้งวิกฤตและโอกาส ดังนี้

1. ผลักดันมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการจากผลกระทบ Reciprocal Tariff ขอให้ภาครัฐสนับสนุนด้านกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญแก่ผู้ประกอบการ SME ลดค่าใช้จ่ายทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O)

2. เร่งการเจรจาลดภาษีรายสินค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะภายใต้มาตรา 232 ที่ยังจัดเก็บภาษีสูงในสินค้าสำคัญ เช่น เหล็ก อลูมิเนียม ยานยนต์ และชิ้นส่วน

3. ดำเนินมาตรการเชิงรุก ลดผลกระทบ Trade Diversion เสนอให้ภาครัฐสามารถริเริ่มกระบวนการใช้มาตรการทางการค้าโดยไม่ต้องรอให้เอกชนยื่นเรื่อง ใช้เครื่องมือทางการค้าให้ครบถ้วน เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD), การปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (SG), และการตอบโต้การอุดหนุน (CVD) พิจารณาควบคุมการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มสูงผิดปกติ ตาม พ.ร.บ. การนำเข้า-ส่งออก พ.ศ. 2522

4. ส่งเสริมการเปิดตลาดใหม่ให้กับอุตสาหกรรมไทย เร่งเจรจา FTA ฉบับใหม่ๆ เช่น ไทย–ยูเรเซีย (EAEU) สนับสนุนโครงการ SME Pro-active และกิจกรรม Trade Mission เพิ่มสัดส่วนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในสินค้าไทย (Made in Thailand: MiT)

5. สร้างระบบนิเวศการค้าชายแดนเพื่อการเติบโตระยะยาว เสนอให้ภาครัฐร่วมบูรณาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การอำนวยความสะดวกด้านพิธีการ และการค้าชายแดนอย่างครบวงจร