นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเจรจายังคงดำเนินไปตามขั้นตอนปกติ แม้ว่าข้อเสนอแรกของไทยจะถูกส่งไปเมื่อวันที่ 6 ก.ค.68 และมีการลงนามในเช้าวันนี้ (7 ก.ค.68) ซึ่งอาจสวนทางกับประกาศของอีกฝ่ายที่แจ้งมา ขณะนี้ ไทยได้ส่งข้อเสนอที่ 2 ไปแล้ว ซึ่งมีความแตกต่างจากข้อเสนอแรก โดยเฉพาะในเรื่องจำนวนรายการสินค้าที่จะลดภาษีให้เป็น 0% ซึ่งมีจำนวนหลายพันรายการ หลังจากที่เราส่งข้อเสนอเพิ่มเติมไปนั้น ยังไม่มีฟีดแบ็กกลับมา แต่เชื่อว่าจะมีผลไปในทิศทางบวก
ทั้งนี้ แถลงการณ์จากสหรัฐแจ้งมาอย่างชัดเจนว่าถ้ายังไม่หาข้อยุติภายในวันที่ 1 ส.ค.68 ไทยจะต้องถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% และในระหว่างนี้ยังเจรจากันได้ ดังนั้น เชื่อว่าอัตราภาษีสุดท้ายที่ไทยจะได้รับไม่น่าจะถึง 36% เมื่อพิจารณาจากข้อเสนอของเราจะดีมาก ดีน้อย ก็ต้องลดต่ำกว่าเดิมแน่นอน
นายลวรณ กล่าวว่า ความสำคัญของการเจรจาให้ได้ข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ ซึ่งการเจรจาไม่จำเป็นต้องจบเร็ว แต่เราต้องเจรจาให้มันดีที่สุด ให้ได้เงื่อนไขที่ดีที่สุดกับประเทศไทย ไม่ควรเร่งรัดจนได้ข้อตกลงที่ไม่ดี อย่างกรณีเวียดนามที่ยกเว้นภาษีนำเข้าให้สหรัฐทุกรายการ แต่ยังโดนภาษี 20% ซึ่งหากไทยได้ข้อเสนอเช่นเดียวกัน ก็คงไม่เป็นที่น่าพอใจนัก
ทั้งนี้ ทีมไทยแลนด์ได้มีการหารือกัน และมีการมอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณาสินค้าที่มีความอ่อนไหวหากเปิดตลาดนำเข้า เพื่อสรุปข้อเสนอที่เป็นไปได้มากที่สุด
สำหรับ แนวทางการเตรียมรับมือผลกระทบจากการอัตราภาษีของสหรัฐ ยังมีงบกลางเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังอยู่ระหว่างการจัดสรรอีกราว 4 หมื่นล้านบาท สามารถนำมาใช้รองรับผลกระทบตรงนี้ได้ โดยจะพิจารณาช่วยเหลือกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ ผู้ส่งออกที่ส่งออกสินค้าไปสหรัฐ รวมถึงอุตสาหกรรมในประเทศที่อาจได้รับผลกระทบจากการลดภาษีสินค้าจำนวนมากให้เป็น 0% เพื่อเปิดตลาดให้ อย่างไรก็ตาม หลายรายการเป็นสินค้าที่เราได้ลดภาษี 0% อยู่แล้วกับประเทศคู่ค้า FTA อื่นๆ
เมื่อถามว่า ไทยจะมีมาตรการเยียวยาโดยการแจกเงินเช่นเดียวกับบางประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ หรือไม่ นายลวรณ กล่าวว่า รัฐบาลยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน โดยมีการพิจารณาจากผลลัพธ์สุดท้ายของการเจรจา ว่าเราสุดท้ายเราได้รับมาเท่าไร ก่อนตัดสินใจ