
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปทรงเป็นองค์ประธานการประชุมวิชาการ (Symposium) การพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่สากล ประจำปี 2568 ณ EMSKYE ชั้น 14 เอ็ม ทาวเวอร์ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ เขตคลองเตย โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางอรจิรา ศิริมงคล ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน คณะที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ผู้ประกอบการผ้าและหัตถกรรม นักวิชาการ นักศึกษา และผู้สนใจร่วมรับเสด็จเป็นจำนวนมาก

การนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทอดพระเนตรนิทรรศการการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่สากล ซึ่งเป็นนิทรรศการนำเสนอการยกระดับงานศิลปหัตถกรรม งานฝีมือ ให้เข้าสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นได้ในระดับสากล ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเป็นบรรณาธิการบริหาร หนังสือ Thai Textiles Trend Book โดยเล่มล่าสุดเป็นเล่มที่ 6 ด้วยแนวคิด “อนาคตแห่งแฟชั่น : สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน”

จากนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปประทับพระเก้าอี้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กราบทูลถวายรายงานการจัดประชุมวิชาการฯ ในโอกาสนี้ พระราชทานหนังสือ Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026 ให้แก่คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย สมาคมแม่บ้านมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 34 ราย แล้วทรงบรรยายในหัวข้อ “การส่งเสริมและพัฒนาภาพลักษณ์ผ้าไทยสู่สากล ประจำปี 2568″ ร่วมกับนายกุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการบริหารนิตยสารโว้ก ประเทศไทย และนายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ ที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก

“แฟชั่นเพื่อความยั่งยืน” ไม่ใช่เพียงแค่ “เทรนด์” หากแต่เป็น “วิถีชีวิต” แห่งยุคสมัย แฟชั่นในอนาคตจึงต้องเป็นมากกว่าการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และยังต้องการเรี่ยวแรงสำคัญในการมอบคืนสมดุลให้กับโลกใบนี้ผ่านแนวทางการสร้างสรรค์ที่ผสมผสานระหว่างงานศิลปะ งานหัตถกรรม และเทคโนโลยี โดยจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีมุมมองหลอมรวมกันระหว่าง “ความงาม” และ “ความรับผิดชอบ” ซึ่งเราเรียนรู้ได้จากการยัอบกลับไปยังจุดเริ่มต้น และค้นหานวัตกรรมในงานหัตถกรรมจากอดีต โดยเฉพาะเส้นใยในท้องถิ่นของไทยที่มีการพัฒนาด้วยภูมิปัญญา มีกระบวนการสร้างสรรค์งานฝีมือก้าวไปไกลกว่าความเป็นเพียงมรดกทางวัฒนธรรม หากนำมาสร้างสรรค์เป็นงานหัตกกรรมชั้นเลิศ จะกลายเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมแฟชั่นยุคใหม่

สำหรับ องค์ความรู้การนำเสนอในหนังสือ Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026 เล่มนี้ได้ถ่ายทอดแนวคิด “อนาคตแห่งแฟชั่น : สรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน” ผ่าน 4 เทรนด์หลักที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้พระราชทานแนวพระดำริไว้ ได้แก่ 1) The Grounded Naturalist (พินิจ – ชีวิต) เป็นกลุ่มสีที่พบเห็นได้ตามภูมิทัศน์ตามธรรมชาติ และสีสันที่แทรกอยู่ในรายละเอียดของธรณีผู้ยิ่งใหญ่หรือพูดอีกนัยหนึ่งได้ว่า สัจจะวัสดุสามารถสกัดเป็นสีสันที่ไร้การปรุงแต่ง และพร้อมเปิดเผยเนื้อแท้ตั้งเดิมของตนอย่างบริสุทธิ์ใจ ซึ่งจะพบเห็นได้หากพินิจมองสีของเกล็ดทรายสีเหลืองอ่อน สีทะลายหมากที่เมื่อสุกงอมเต็มที่จะให้สีส้มสวยงาม สีดินปากแม่น้ำที่เป็นสีน้ำตาลเข้ม ทว่าเมื่อกะเทาะไปถึงแก่นมะขามกลับได้สีน้ำตาลอีกเฉด เป็นต้น จำแนก 4 กลุ่มสี คือ ประณีตศิลป์ ห่มใย ไม้สล้าง พรรณพนา

2) The Free Spirit Adventurer (อิสรชน – ผจญภัย) แรงบันดาลใจจากสัตว์ พืชพรรณ และรัตนชาติที่กระจายตัวอยู่ในดินแดนต่างๆ เช่น ดอกดารารัตน์สีเหลืองสดมีต้นกำเนิดมาจากแถบเมดิเตอร์เรเนียน สัตว์ปีกผู้สง่างามอย่างนกกระสาสีเทามีแหล่งกำเนิดในญี่ปุ่น หรืออัญชันไม้เลื้อยดอกสีน้ำเงินสดที่พบได้ทั่วไปในเมืองไทย แท้จริงเป็นไม้พื้นถิ่นจากอเมริกาใต้ ขณะที่ต้นสักทองที่มีเหง้าสีน้ำตาลทองสวยงามเป็นไม้คู่ประเทศที่พบได้ในอินเดียและอินโดนีเซีย เป็นต้น สิ่งมีชีวิตเหล่านี้รอนแรมมาจากต่างถิ่น หากก็ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้จนกลายเป็นสัตว์และพืชประจำถิ่นนั้นๆ ไปในที่สุด ดังนั้นผู้ที่อยู่รอดจึงโอบรับความแตกต่าง และประยุกต์สิ่งใหม่ๆ ให้กลายเป็นแบบฉบับของตนได้นั่นเอง จำแนก 4 กลุ่มสี คือ สุขสุขุม ผจญโลกกว้าง ผสานมุมต่าง และสร้างมิติใหม่

3) The Enigmatic Wanderer (รอนแรม – ลึกลับ) ดอกไม้มักเป็นสัญลักษณ์แทนความเป็นหญิงหรือตัวตนไร้กรอบและความคาดเดาไม่ได้ของสิ่งมีชีวิตที่มักจับคู่กับโทนสีแดง ม่วง ส้ม ชมพู เพื่อสื่อถึงเสน่ห์เย้ายวนชวนลึกลับ กลุ่มสีนี้ยังพบได้มากที่สุดในดอกไม้แม้แลดูดาดๆ เพราะพบได้ระหว่างทางในทุกพื้นที่ทว่าในความสุกสดใสนั้นเจือความน่าสนเท่ห์ ไม่ว่าจะเป็นดาหลา ดอกไม้ที่ลึกลับที่สุดชนิดหนึ่งซึ่งใช้เวลาบ่มตัวเองนานกว่าจะชูช่อดอก และเมื่อเผยโฉมก็เฉิดฉายทันทีด้วยดอกสีแดงแรงฤทธิ์ ดอกดีปลี (หรือผล) ที่เมื่อสุกจะให้สีแสดสดแถมรสชาติเผ็ดร้อน หรือสีส้มอ่อนดอกสังกรณีที่มีชื่อปรากฏในรามเกียรติ์ จำแนก 4 กลุ่มสี คือ ฤทธามหาสะกด มนตร์วิจิตร เสน่ห์เกสร กลสลับสี

4) The Dynamic Trailblazer (กรุยทาง – สร้างฝัน) ตระเตรียมดินให้เหมาะสม หว่านเมล็ดพันธุ์ลงกล้าไม้ แล้วชื่นชมยอดอ่อนผลิใบ ดอกตูมค่อยๆ แย้มบาน ก่อนจะให้ผลสุกงอมรอวันเก็บเกี่ยว กระบวนการเหล่านี้บอกเล่าผ่านกลุ่มสีสันแห่งกานงอกงาม เริ่มจากสีดินร่วนน้ำตาลเข้มบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ สีเขียวหม่นของมูลช้างอันเป็นสารอาหารจำเป็นต่อการผลิโตของพืชพรรณที่มีทั้งผักพื้นบ้าน ดอกไม้ริมทาง และผลไม้ในท้องถิ่น อาทิ ดอกชมจันทร์สีเขียวอ่อน ช่อยจรสีเหลืองนวล ดอกว่านหางจระเข้ที่คนไม่ค่อยเห็นกันว่ามีช่อดอกสีส้มหวาน ทุ่งโสนสีเหลืองสล้าง เปลือกสีชมพูสวยของลูกมะแขว่น และเนื้อมะตูมสีส้มแก่แต่ให้รสหวานฉ่ำ จำแนก 4 กลุ่มสี คือ โชนสะพรั่ง ชื่นฉ่ำ แต้มสนุก และละไมวัยเยาว์

นอกจากนี้ ยังเจาะลึกถึงเรื่องราว “มหัศจรรย์แห่งเส้นใย” (Fascinating Fibers) นำเสนอคุณค่าและความเป็นไปได้ของเส้นใยจากธรรมชาติ 12 ชนิด อาทิ ไหม, ไหมอีรี่, ตะไคร้, กัญชง, ฝ้าย, ใยบัวหลวง, ใยข่า, ใยกล้วย, ใยสับปะรด, ใย่ไผ่, ใยผักตบชวา ไปจนถึงใยดาหลา พร้อมนำเสนอเทคนิคที่น่าจับตามองสำหรับฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็น ผ้าทอเดนิมจากใยกัญชง, การถักโครเชต์ ไปจนถึงการนำเส้นใยเหลือใช้กลับมาสร้างสรรค์เป็นผลงานใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของงานหัตถศิลป์และความยั่งยืนที่สามารถเดินเคียงคู่กันไปในโลกแฟชั่นแห่งอนาคตได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 นางโอเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ณ สำนักงานใหญ่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ทูลเกล้าฯ ประกาศเชิดชูพระเกียรติและถวายเหรียญสดุดีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจด้านการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรม การส่งเสริมงานวิจิตรศิลป์ รวมทั้งการขับเคลื่อนวัฒนธรรม ตลอดจน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในประเทศไทย พร้อมกล่าวว่า พระองค์คือผู้ bring the Village to the World

ในช่วงท้ายของการประชุมวิชาการ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานพระดำรัสเกี่ยวกับการใช้สินค้าไทย สินค้าจากชุมชนไทย คาแรคเตอร์ไทย ดีไซเนอร์ไทย กราฟิกไทย ที่สร้างสรรค์โดยคนไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ พร้อมทั้งพระราชทานแนวทางในการสวมใส่ผ้าไทยในชีวิตประจำวัน ทั้งในรูปแบบดั้งเดิม (original) และการผสมผสานให้สอดรับกับการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนจะช่วยให้ผู้ประกอบการ ช่วยชาวบ้าน ช่วยคนในชุมชนได้มีรายได้ มีเงินประกันชีวิต และเลี้ยงดูคนในครอบครัว และได้มีพระดำรัสต่อเด็ก เยาวชน นิสิต นักศึกษา ผู้ประกอบการ ตลอดจนข้าราชการ ได้ร่วมกันน้อมนำชุดไทยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบ อันเป็นสิ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานไว้ให้กับสุภาพสตรีไทยทุกคนได้เลือกใส่ในวาระโอกาสที่เหมาะสม ถูกต้องตามกาลเทศะ เพื่อแสดงออกถึงอัตลักษณ์ของเครื่องแต่งกายสตรีไทยในเวทีโลก ให้คนทั่วทั้งโลกได้รู้ว่า เหล่านี้คือวัฒนธรรมประเทศไทย

ขอเชิญผู้ที่สนใจในเสน่ห์ของผ้าไทยและแฟชั่นที่ยั่งยืน เข้าชมนิทรรศการ “Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026” ณ EMSKYE ชั้น 14 เอ็ม ทาวเวอร์ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ ระหว่างวันที่ 11 – 14 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 – 18.00 น. และสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือบุคคลทั่วไปผู้สนใจหนังสือ Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026 สามารถดาวน์โหลดในรูปแบบดิจิทัลได้ทาง https://online.fliphtml5.com/rnqjs/dbjs/#p=1
