เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ซอยเกษตร 1 ข้างวัดเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นช่องทางผ่อนปรนสำหรับขนถ่ายสินค้าชายแดนไทย-เมียนมา ผู้ประกอบการชาวไทยและเมียนมา เริ่มกลับมานำเข้าและส่งออกสินค้าอีกครั้ง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภค-บริโภค ที่ได้รับการอนุญาตจากทางการเมียนมาในพื้นที่เมืองพญาตองซู ส่วนบริเวณหน้าด่านหลัก (ด่านไม้กระดก) ข้างเจดีย์สามองค์ ยังคงปิดไม่อนุญาตให้รถยนต์รวมทั้งประชาชนทั้ง 2 ประเทศเดินทางเข้าออก
ทั้งนี้ เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารเมียนมาและ KNLA บริเวณฐานพญาด่องของทหารเมียนมา ในพื้นที่ อ.พญาตองซู รัฐกะเหรี่ยง (ประเทศเมียนมา) เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ทหารเมียนมาประจำฐานพญาด่อง จำนวน 13 นาย รวมทั้ง รอง ผบ.พัน.เสียชีวิตจากการปะทะกันในครั้งนี้ จนเป็นเหตุให้ต้องมีการปิดด่านชั่วคราว ทำให้ในพื้นที่เมืองพญาตองซูเริ่มขาดแคลนสินค้าอุปโภค-บริโภค รวมทั้งเชื้อเพลิง (น้ำมันดีเซล)
ขณะที่ บรรยากาศบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ ล่าสุดพ่อค้าแม่ค้าเริ่มกลับมาเปิดร้านเพื่อทำการค้าขายตามปกติ โดยเช้าวันนี้นักท่องเที่ยวและประชาชนเดินทางมาเลือกซื้อสินค้า บริเวณตลาดชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ เช่นเดียวกับบรรยากาศในหมู่บ้านพระเจดีย์สามองค์ที่ประชาชนยังคนใช้ชีวิตตามปกติ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ทุกคนคุ้นชินต่อสถานการณ์ความไม่สงบในเมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมา
อย่างไรก็ตาม ตรงข้ามกับบรรยากาศในเมืองพญาตองซู ที่มีข่าวว่าชาวบ้านยังคงหวั่นวิตกกับข่าวการปะทะครั้งใหม่ เนื่องจากมีข่าวว่าทหารเมียนมาได้เสริมกำลังเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างเลือกเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน จนส่งให้บรรยากาศในย่านการค้า และตลาด ตกอยู่ในความเงียบเหงา เช่นเดียวกับบริเวณด่าน ตม.ของเมียนมา ที่อยู่ติดชายแดน พบเจ้าหน้าที่ทหารเมียนมาประจำด่าน 4-5 นาย อยู่ภายในสำนักงาน
พ.อ.ธัชเดช อาบัวรัตน์ รอง.ผบ.ฉก.ลาดหญ้า ยังคงมีคำสั่งเฝ้าระวังสถานการณ์และติดตามข่าวสาร ให้มีการจัดชุดลาดตระเวนร่วม ทหาร ตร. ตชด. อส. ชรบ. และผู้นำชุมชน ออกลาดตระเวนและตรวจตราพื้นที่รอบๆ หมู่บ้านพระเจดีย์สามองค์ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอาชญากรรม เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน
