
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีได้จัดพิธีเปิดศูนย์รับแจ้งความและบริหารจัดการคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมี นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ให้การต้อนรับ โดยผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุกแห่ง ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี , ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ “ดร.แก้ว” ประธานกิตติมศักดิ์ กต.ตร.จังหวัดนนทบุรี , ดร.พีรวัฒน์ สุรเศรษฐ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) จังหวัดนนทบุรี คณะผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต นำโดย คุณอมรรัตน์ บรรยงก์สินธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพย์สิน คณะ กต.ตร.จังหวัดนนทบุรี และข้าราชการตำรวจ ข้าราชการพลเรือน สื่อมวลชน และประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก
นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า จังหวัดนนทบุรีมีคดีเกี่ยวข้องกับทางเทคโนโลยีเป็นจำนวนมาก สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะตำรวจภูธรภาค 1 มีคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีรองแค่พื้นที่ของนครบาล ทุกวันนี้ได้มีการรวบรวมประมาณ 150,000 คดี ถือว่าเยอะมาก การจะให้บริการพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จำเป็นต้องมีการวางระบบการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ มีความจำเป็นที่จะต้องนำเทคโนโลยีต่างๆมาประกอบใช้เพื่อให้การให้บริการเกิดความรวดเร็ว และพึงพอใจ

ทั้งนี้ จังหวัดนนทบุรีที่ได้มีการเปิดศูนย์รับแจ้งความและบริหารจัดการคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นแห่งแรก ถือว่าเป็นต้นแบบของประเทศ คาดว่าจะมีการพัฒนารูปแบบให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดการบาลานซ์และความรวดเร็วในการให้บริการ ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ในเรื่องของการให้บริการพี่น้องประชาชนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในขณะนี้ โดยมีเป้าหมายในการทำเมืองให้เป็น Smart City เป็นเมืองที่น่าอยู่และนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในเรื่องการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ หรือการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐทุกแห่ง ซึ่งศูนย์รับแจ้งความและบริหารจัดการคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีแห่งนี้ สามารถตอบโจทย์กับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก
พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.นนทบุรี กล่าวว่า คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นนโยบายที่ทางรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง การตั้งศูนย์รับแจ้งความและบริหารจัดการคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อบริหารจัดการข้อมูล วัตถุประสงค์หลักต้องการยกระดับการให้บริการที่น้องประชาชน ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ลดระยะเวลาในการให้บริการให้เหลือน้อยที่สุด เราจะใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ มีระบบคิวและการนัดหมายล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนสะดวกสบายมากขึ้น

สำหรับ การเปิดศูนย์รับแจ้งความและบริหารจัดการคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จะช่วยยกระดับในการให้พี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาในเรื่องทางเทคโนโลยี โดยเฉลี่ยทางศูนย์ฯจะต้องรับแจ้งประมาณ 50 ถึง 55 รายต่อวัน และบริหารจัดการให้อยู่ในกรอบที่สั้นที่สุด วันนี้มีประชาชนลงทะเบียนมาใช้บริการทั้งหมด 32 ราย การเดินทางค่อนข้างสะดวก ถ้ามาที่ศูนย์ฯแห่งนี้เชื่อว่าท่านจะได้รับการบริการที่ดี อยากเชิญชวนทุกท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถเดินทางมาที่ศูนย์รับแจ้งความและบริหารจัดการคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีนี้ ซึ่งเปิดบริการให้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ
นางพิมพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 76 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนได้รับความเดือดร้อนจากการโอนเงินผิดตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา จำนวน 14,330 บาท เคยไปแจ้งความไว้แล้วแต่เรื่องเงียบ ธนาคารอ้างว่าติดต่อเจ้าของบัญชีไม่ได้ และล่าสุดตนเผลอสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ในเพจเฟซบุ๊กปลอม จึงได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด และตำรวจแนะนำว่ามีการเปิดศูนย์รับแจ้งความคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่นี่ ตนรู้สึกดีที่มีการเปิดศูนย์รับเรื่องโดยเฉพาะ น่าจะทำเรื่องได้รวดเร็วขึ้น หลังจากนี้อาจจะมีคนมาใช้บริการเยอะขึ้น

ด้าน นายอัศวพล พนาสุวรรณ์ อายุ 22 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนถูกมิจฉาชีพปลอมเป็นรุ่นพี่ที่ทำงานและมาหลอกให้โอนเงิน มีเจ้าหน้าที่แนะนำว่าที่จ.นนทบุรี มีการเปิดศูนย์รับแจ้งความคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะ จึงเดินทางมา รู้สึกทันสมัย แอร์เย็นดี สะดวกสบายกว่าเดิม และเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำอย่างเป็นกันเอง
ขณะที่ น.ส.นิภาวรรณ ไพบูลย์ อายุ 30 ปี เพื่อนร่วมงานผู้เสียหายที่ถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง กล่าวว่า ตนคือบุคคลที่รุ่นน้องที่ทำงานถูกหลอกโอนเงิน จึงเดินทางมาร่วมแจ้งความ บรรยากาศที่นี่สะดวกสบาย เจ้าหน้าที่เป็นกันเอง ทำให้ไม่เกร็งเวลาที่เราตอบคำถาม คิดว่าหากมีศูนย์รับแจ้งความคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะจะได้รับความคืบหน้าทางคดีรวดเร็วขึ้น
