การติดตามและประเมินผลการเติมน้ำใต้ดิน

การเติมน้ำใต้ดิน เป็นการเติมน้ำลงไปกักเก็บไว้ในชั้นน้ำใต้ดิน เพื่อรักษาสมดุลน้ำบาดาล ซึ่งน้ำจะกักเก็บไว้ในชั้นตะกอนกรวด ทราย หินผุ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในชั้นน้ำบาดาลที่ลดลงจากการสูบใช้น้ำบาดาลมากเกินไป หลังจากที่เราทำการเติมน้ำใต้ดินแล้วเราจะรู้ได้ยังงัยว่าเติมแล้วระดับน้ำบาดาลสูงขึ้นมั้ย มันทำให้เกิดการปนเปื้อนในชั้นน้ำบาดาลหรือป่าว เติมแล้วน้ำไหลไปทางไหน

มีวิธีการตรวจสอบง่ายๆ คือ ในการทำระบบเติมน้ำใต้ดินเราจะต้องมีบ่อสังเกตการณ์น้ำบาดาลในพื้นที่นั้นๆ ด้วย เพื่อใช้สำหรับติดตามตรวจวัดระดับน้ำและคุณภาพน้ำบาดาลว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และยังสามารถนำข้อมูลมาใช้ในการประเมินปริมาณน้ำที่เติมได้ด้วย โดยการติดตามและประเมินผลการเติมน้ำใต้ดิน จะต้องดำเนินการ ดังนี้

การติดตามระดับน้ำ เพื่อให้รู้ระดับน้ำที่เปลี่ยนแปลงหลังจากมีการเติมน้ำใต้ดิน โดยจะต้องดำเนินการเดือนละ 1 ครั้ง

การติดตามตรวจวัดคุณภาพน้ำ ติดตามตรวจวัดคุณภาพน้ำใต้ดินเบื้องต้นในสนาม โดยทำการตรวจวัดค่าการนำไฟฟ้า ปริมาณสารที่ละลายทั้งหมด ความเป็นกรดด่าง และอุณหภูมิ และทำการตรวจวัดเดือนละครั้ง นอกจากนี้ยังต้องเก็บตัวอย่างน้ำใต้ดินส่งวิเคราะห์ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพ โลหะหนัก สารกำจัดศัตรูพืช รวมทั้งแบคทีเรียด้วย

ประเมินปริมาณน้ำที่เติม สามารถประเมินด้วยการคำนวณจากสมการอย่างง่าย คือ

อัตราการซึม = (ระดับน้ำลด-อัตราการระเหย)

ปริมาณน้ำที่เติมได้ = อัตราการซึม * พื้นที่การซึม

การประเมินโดยใช้แบบจำลองน้ำบาดาลทางคณิตศาสตร์ โดยการนำข้อมูลอุทกธรณีวิทยา เข้าสู่แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ซึ่งจะสามารถวิเคราะห์ตัวแปรต่าง ๆ เกี่ยวกับการไหลของน้ำไหลเข้า และน้ำไหลออก ของระบบน้ำบาดาลได้ ทำให้สามารถประเมินปริมาณน้ำที่เติมจากระบบเติมน้ำได้

ทั้งนี้ การประเมินปริมาณน้ำที่เติม ต้องประเมินโดยนักธรณีวิทยา ตามข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาธรณีวิทยา ประเภทงานอุทกธรณีวิทยา

รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมของ การติดตามและประเมินการเติมน้ำใต้ดิน สามารถสอบถามได้ที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบาดาล หรือดาวน์โหลด คู่มือการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น https://projectinfo.online/GroundWater