
รัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายของปี หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ตามนโยบายเร่งด่วนด้านเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มรายได้ ลดภาระค่าใช้จ่าย และเสริมกำลังซื้อให้ประชาชนทั่วประเทศ เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่ วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทย ร่วมแถลงว่า โครงการนี้ถือเป็น “เรือธงเศรษฐกิจ” ที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งมีแนวโน้มชะลอตัว
💰 เพิ่มสิทธิ์-ขยายช่วงอายุผู้ใช้
รัฐบาลจะสนับสนุนเงินสมทบ วันละ 200 บาท จากเดิม 150 บาท ให้สิทธิ์ประชาชน 20 ล้านราย โดยแบ่งเป็น
- กลุ่มทั่วไป ได้วงเงินรวม 2,000 บาท
- กลุ่มอยู่ในระบบภาษี ได้เพิ่มเป็น 2,400 บาท
นอกจากนี้ ยังขยายช่วงอายุผู้มีสิทธิ์จากเดิม 18 ปีขึ้นไป เหลือ 16 ปีขึ้นไป เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนที่มีรายได้หรือค้าขายออนไลน์ได้เข้าร่วม
ผู้ได้รับสิทธิ์ต้องเริ่มใช้ครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ มิฉะนั้นสิทธิ์จะถูกยกเลิกอัตโนมัติ
🛍️ ใช้จ่ายสะดวก ผ่าน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน”
การใช้จ่ายสามารถทำได้ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สำหรับประชาชน และ “ถุงเงิน” สำหรับร้านค้า โดยโครงการเปิดรับ
- ร้านค้าลงทะเบียน: 15 ต.ค. – 19 ธ.ค.
- ประชาชนลงทะเบียน: 20 – 26 ต.ค. (เวลา 06.00–22.00 น.)
- เริ่มใช้สิทธิ์: 29 ต.ค. – 31 ธ.ค. (เวลา 06.00–23.00 น.)
พิเศษ! ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. – 31 ธ.ค. ประชาชนยังสามารถใช้สิทธิ ซื้ออาหารและเครื่องดื่มผ่านบริการเดลิเวอรี่ (Food Delivery Platform) ได้ด้วย
⚙️ เงินหมุนกว่าแสนล้าน ดันจีดีพีโต 0.4%
โครงการนี้ใช้งบรวม 44,000 ล้านบาท จากงบปี 2569 และงบกลางฉุกเฉิน โดยเมื่อรวมกับเงินสมทบจากประชาชนและโครงการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 1 แสนล้านบาท ช่วยขับเคลื่อนจีดีพีเพิ่ม 0.3–0.4%
“คนละครึ่งพลัสจะเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากฐานราก ทำให้ร้านค้ารายเล็ก วิสาหกิจชุมชน และไมโครเอสเอ็มอีเข้มแข็งขึ้น” นายเอกนิติกล่าวทิ้งท้าย