นนทบุรีเร่งวางแนวป้องกันเฝ้าระวังน้ำเหนือทะลักล้นเจ้าพระยา

นายนิรันดร์ เปิดชั้น หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดที่รับมวลน้ำเหนือจาก ประตูระบายน้ำปากคลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะมีจังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี
ซึ่งในส่วนของจังหวัดนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด ก็เปรียบเสมือนหน้าด่านที่รับปริมาณน้ำที่ไหลผ่านลงมาก่อนออกสู่ปากอ่าวไทย ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานเทศบาลนครปากเกร็ดและป้องกันภัยได้ร่วมกันวางแนวกระสอบทรายป้องกันวัดและสถานที่สำคัญโบราณสถานต่างๆ และสร้างสะพานไม้ให้กับชาวบ้านในจุดพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ในบางจุดที่ล่อแหลม พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำอัตโนมัติระบบลูกลอย (หากมีน้ำเข้าพื้นที่ปริมาณสูงเครื่องจะสูบน้ำออกสู่แม่น้ำเป็นระยะ)ทั้งขนาดกลาง-ขนาดใหญ่ ตลอดแนวระยะทาง 9กม.ในพื้นที่รับผิดชอบ

สำหรับ ปริมาณมวลน้ำที่ไหลผ่านจากการระบายน้ำของทางกรมชล อัตรา 2,000 – 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ยังถือว่าปกติ ยังรับได้ไม่น่าห่วงเท่าไร เพราะสเกลระดับมาตราวัดน้ำที่ติดตั้งวัดระดับมวลน้ำเอาไว้ที่บริเวณริมท่าน้ำและประตูระบายน้ำ ยังไม่ถึงขีดสีของระดับเฝ้าระวังที่ 2.30เมตร หากระดับวิกฤตจะขึ้นอยู่ที่ขีดสีแดง 3เมตร ล่าสุดในทุกวันปริมาณของมวลน้ำมีขยับขึ้น-ลง ตั้งแต่ 1.20-2.10เมตรยังถือว่าปกติ

ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ติดตั้งและเดินเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่อ่าวไทย ควบคู่กับการกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำให้ได้มากที่สุด

นอกจากนี้ ได้กำชับให้ทุกโครงการชลประทานเฝ้าระวัง ติดตาม และประเมินสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถเตรียมพร้อมรับมือและลดผลกระทบจากสถานการณ์น้ำได้อย่างทันท่วงที

ขณะที่ หลายหน่วยงานในจ.นนทบุรี เร่งกรอกกระสอบทรายารับมือปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นหลังจาก เขื่อนเจ้าพระยาปรับการระบายน้ำสูง 2,000-2,500ลบ.ม./วินาที อาจส่งผลมีน้ำล้นริมตลิ่งเพิ่มขึ้น