ปชป.โต้ ‘อนุทิน’ยันค้านกัญชาเสรีอย่าเอาคำว่าพรรคร่วมรัฐบาลมาระรานความถูกต้อง

เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2565 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกมาให้สัมภาษณ์ถึงร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง และมีประเด็นพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ มีจุดยืนชัดในเรื่องนี้ว่า เราสนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์ แต่ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี

ทั้งนี้ในการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวก็ต้องยึดหลักการนี้ในการพิจารณา และ ส.ส.ของพรรคได้ศึกษาในเรื่องนี้ลงลึกไปในรายละเอียด โดยเห็นชัดว่ากัญชาทางการแพทย์นั้นมีประโยชน์ ส่วนแนวคิดที่จะทำให้กัญชาเสรีนั้น นักการเมือง พรรคการเมืองจำเป็นต้องมองไปไกลถึงอนาคต เพราะเรื่องนี้จะสร้างปัญหาให้กับสังคมโดยภาพรวมได้ ดังนั้นพรรคการเมือง นักการเมืองจะคิดอะไรแบบฉาบฉวยไม่ได้

นายราเมศ กล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย การพิจารณาร่างกฎหมายแต่ละฉบับ หลักการพิจารณาต้องศึกษารายละเอียดของกฎหมายเพื่อพิจารณาให้ร่างกฎหมายเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะเรื่องร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง นั้น ไม่มีเรื่องการเมือง ไม่มีเรื่องประโยชน์ของพรรคการเมือง

ดังนั้นการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็ไม่จำเป็นต้องมามัดมือมัดเท้าปิดปากปิดความคิดในหลักการคิดที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม จึงต้องแยกให้ออก และการไม่สนับสนุนกัญชาเสรีก็ไม่ใช่วาทกรรมทางการเมือง แต่มาจากหลักคิดที่ตรงไปตรงมาในทางการเมืองที่มีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ซึ่งก็เป็นหลักคิดขั้นพื้นฐานในทางการเมืองด้วย

สำหรับประเด็นที่อ้างว่าทีเป็นเรื่องของท่านเราก็สนับสนุนนั้น ก็ควรเป็นสิ่งที่ไม่สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองด้วย และในคำพูดก็เป็นคำตอบอยู่ในตัว พรรคประชาธิปัตย์มีหลักในการสนับสนุนเรื่องที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองเช่นกัน

“ส.ส.ของพรรคได้ศึกษารายละเอียดเป็นอย่างดี ที่บอกว่าไม่ทำการบ้านจึงออกมาปล่อยไก่นั้น แสดงว่ายังไม่ได้ฟังเหตุและผลที่ได้ออกมาท้วงติงเรื่องนี้ดีพอ เพราะถ้าติดตามรายละเอียดจะทราบว่าเราท้วงติงด้วยเหตุและผลทั้งสิ้น” นายราเมศ กล่าว

ทั้งนี้ในรายละเอียดของ ร่างพ.ร.บ.กัญชานั้น มีอยู่หลายมาตราที่เป็นปัญหานำพาไปสู่เส้นทางของกัญชาเสรี โดยเฉพาะในหมวดที่ 3 เรื่องการขออนุญาต ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ชี้ให้เห็นได้ว่า วัตถุประสงค์ในมาตราที่ 15/2 (3) เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม มีเนื้อหาเปรียบเสมือนการเปิดประตูเริ่มต้นไปในเส้นทางที่จะทำให้ไปสู่กัญชาเสรี

นอกจากนี้ยังมีมาตรา 18 ในเรื่องการปลูกกัญชาในครัวเรือน ก็จะเห็นว่าเมื่อปลูกแล้วจะมีการควบคุมการใช้อย่างไรนั้น ก็ไม่มีรายละเอียดที่รัดกุมพอ แม้ว่าจะมีการร่างให้มีข้อห้าม ที่ห้ามขายให้กับบุคคลอายุต่ำกว่ายี่สิบปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร แต่ครัวเรือนไหนที่ปลูกกัญชาก็จะไม่มีรายละเอียดใดมาควบคุมเรื่องการใช้เลย จึงต้องตั้งคำถามว่า สูบกัญชาในบ้านก็ไม่ต้องควบคุม รวมกลุ่มกันมาสูบในบ้านก็สามารถทำกันได้อย่างเต็มที่ใช่หรือไม่

ขณะที่ในร่างกฎหมายมีการระบุเรื่องการห้ามสูบในสถานที่สาธารณะและมีการกำหนดสถานที่ไว้ชัดเจน เช่น วัด สถานที่ราชการ สถานพยาบาล สถานศึกษา ร้านอาหาร แต่ร่างกฎหมายกลับยังไม่มีรายละเอียดที่เพียงพอต่อการควบคุมการสูบในครัวเรือน ดังนั้นสาระสำคัญเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวมได้ เชื่อว่ารายละเอียดจะมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางเพื่อท้วงติงร่างกฎหมาย ที่สำคัญไม่อยากให้เอาคำว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมาระรานหลักความถูกต้อง

Message us